xs
xsm
sm
md
lg

ปิดตำนานมือปราบยาเสพติด "ดาวลอย เหมือนเดช" เราแก้ปัญหากันถูกจุดหรือยัง?

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม




(Police Focus)


นักโทษล้นเรือนจำเป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่ที่แออัด กว่าร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์มาจากคดียาเสพติด แน่นอนว่ายาเสพติดคือปัญหาระดับชาติ และถูกยกให้เป็นอาชญากรรมข้ามชาติ เพราะต้นทางไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่ส่วนใหญ่กลับมีปลายทางอยู่ที่ภาคใต้ โดยนิยมใช้กรุงเทพฯและปริมณฑลเป็นจุดพักยา อย่างไรก็ตาม กรุงเทพฯก็ยังเป็นแหล่งแพร่ระบาดอย่างหนัก

ไม่มีใครกล้าบอกว่ายาเสพติดจะสูญพันธุ์หายไป ทว่าตำนานผู้อุทิศตนเพื่อปราบปรามมันแทบตลอดชีวิต พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช รอง ผบช.น.ชื่อนี้ในพื้นที่ภาคใต้ไม่มีใครไม่รู้จักเขา เคยรับตำแหน่ง ผบก.สส.ภ.8 ผบก.ภ.จว.ตรัง รอง ผบช.ภ.7 และ รอง ผบช.ภ.9 เขาคือมือทำลายล้างขบวนการค้ายาเสพติด ได้รับโล่รางวัลทุกระดับประดับล้นตู้เต็มบ้าน สิ่งประทับในการทำงานของเขาคือการหยุดคนเลว

นับเป็นปีสุดท้ายของ พล.ต.ต.ดาวลอย ได้รับมอบหมายจาก ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านยาเสพติด ในระยะเวลา 1 ปีสำหรับเขาไม่ได้เป็นการรามือ เขารวบรวมเอาประสบการณ์ บทเรียน การชำนาญงานของการรับราชการตำรวจ มาทำหน้าที่ในตำแหน่งสุดท้ายที่ บช.น.เพื่อแสดงศักยภาพออกมา เขาเติบโตจากสายงานสืบสวนในภูธรภาค 7, 8 และ 9 จนหลงคิดว่าเขาเป็นชาวใต้ซึ่ง จ.สมุทรปราการ คือภูมิลำเนาเดิม

รองลอย บอกว่า ผมเกษียณอายุราชการตำแหน่ง รอง ผบช.น.รู้สึกภาคภูมิใจเพราะเคยรับราชการในนครบาล มองว่าตำรวจนครบาลเป็นเหมือนจ้าวยุทธจักร นักสืบระดับปรมาจารย์เกิดมาจากนครบาลทั้งนั้น ผมคิดว่าถ้าปีสุดท้ายได้มาทำงานก็เป็นเรื่องท้าทาย ซึ่งเรื่องยาเสพติดผมมีความชำนาญเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว รวมระยะเวลา 30 กว่าปีที่ผมคลุกคลีกับมัน

ผมเข้ามาดูปัญหาของนครบาลที่เขากังวลกันเยอะๆ ตอนที่เราอยู่ภาคอื่นแล้วเห็นเขาชี้แจงว่า มีปัญหาและข้อจำกัดเยอะแยะมากมาย แล้วจะแก้ไขได้หรือไม่สาเหตุจริงๆ คืออะไร ผ่านไปแค่ 3 เดือนเห็นเลยว่างานยาเสพติดในนครบาล ปัญหาแท้จริงคือเรื่องของชุมชน ยาเสพติดที่มาในกรุงเทพฯเป็นยาเสพติดเฉพาะกิจ และเป็นยาเสพติดเพื่อพักแล้วผ่าน

แต่ที่เข้ามาค้างคาอยู่เป็นการแพร่กระจายไปในชุมชน แต่ก็มีเฉพาะกิจอย่างอื่นอีก เช่น เมื่อมีสถานบริการก็มีบริการยาเสพติด นอกจากในชุมชนแล้วยังไปในแหล่งพื้นที่เสี่ยง เพราะฉะนั้นพื้นที่เหล่านี้ถ้าจับจุดถูกผมว่าบล็อกได้ ก็เลยเอานักสืบหลักๆ ของนครบาล 3 ส่วน ประกอบด้วย บก.สส.บช.น. บก.สปพ.(191) และ กก.ดส.รวมถึงได้เพิ่มชุดปราบปรามยาเสพติด หรือ ชปส.บช.น.

"เรามีทั้งสืบสวนขยายสดและขยายแห้ง เพื่อให้เกิดการป้องกัน หรือการหยุดชะงัก หรือบล็อกลดการเข้าในกรุงเทพฯให้มากที่สุด เห็นจากการจับทีหลักล้านเม็ด แต่จริงๆ ในกรุงเทพฯเล็ดลอดเข้ามาแค่หลักแสนเม็ด ส่วนหลักล้านที่เราเจอเป็นเรื่องการขยายผล มาจากปริมณฑลทั้งนั้นเป็นจุดพักที่จะผ่านไป เท่ากับว่ากรุงเทพฯในชุมชนมันไม่ได้เยอะ"

น.7 กล่าวว่า ชุมชนที่เขาบอกว่ารุนแรงมีเพียง 174 แห่งจากจำนวนทั้งหมด 2,066 ชุมชน พอเราลงไปทั้ง 174 ชุมชนมันเหลือไม่ถึงครึ่งหมายความว่า เราสกัดเครือข่ายที่แพร่ระบาดลงได้ เป็นอันว่าเราสำเร็จตีโจทย์แตก ตอนนี้ผมตั้งแผนป้องกันเชิงรุกของปี 2563 ไว้แล้ว ขนาดที่ตัวเองจะเกษียณในวันที่ 30 ก.ย. เพื่อโฟกัสให้รู้ว่าจุดแตกหักอยู่ที่ชุมชน ผมได้วางรากฐานไว้ให้ตำรวจในปีหน้าแล้ว

ตอนนี้ตัวผมเองยังไม่รู้สึกอะไรเลยว่าใกล้เกษียณ ทุกวินาทียังเต็มที่กับเรื่องงานยาเสพติด เมื่อไม่กี่วันบางหน่วยงานเชิญให้ไปเป็นที่ปรึกษา ทั้งเรื่องยาเสพติดและเรื่องชุมชนเข้มแข็ง ซึ่งไม่ใช่งานหลักของตำรวจแต่มันเป็นยุทธศาสตร์ของงานหลัก ผมใช้แผนป้องกันเชิงรุกเราต้องฝื้น ตชส.และครูแดร์ออกไปสัมผัสชุมชน คือตัวสำคัญที่จะเพิ่มในส่วนที่ตำรวจมองว่ามีต้นทุนต่ำ เรามัวแต่ไปปราบซึ่งปีนี้ก็บรรลุเป้าหมายทั้ง 7 ตัว

ถามว่าสำเร็จหรือไม่ทุกอย่างเกิดจากการบูรณาการของทุกหน่วย เราไม่ได้ไปแย่งงานขอให้คุณทำหน้าที่งานป้องกันเชิงรุกให้ดี แล้วจะเห็นผลของการปราบปราม คนที่เกินคำว่าผู้ป่วยหรือเหยื่อ ให้ใช้มาตรการทางกฎหมายสำคัญ 4 ฉบับ คือ พรบ.ยาเสพติด, พรบ.มาตรการในข้อหาสบคบหรือสนับสนุน, พรบ.ปปง. และ พรบ.การมีส่วนร่วม (อาชญากรรมข้ามชาติ) คิดถูกแล้วที่บอกว่าชุมชนเป็นจุดแตกหัก แต่ปัญหาตอนนี้คือนักโทษล้นเรือนจำ

"เพราะฉะนั้นต้องชะลอการปราบปรามให้มีคุณภาพ แล้วเพิ่มงานป้องกันในมิติของชุมชน เป็นปีแรกที่นครบาลขอลดการค้นหาผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดลง 5 เปอร์เซ็นต์ หากเรามัวแต่ไปเดินจับตามสถิติให้มากขึ้นๆ มันไม่ได้ ยาเสพติดเข้ามาเราจับได้เราเผา ประเทศขาดทุนไหมเราเผายาแต่เงินเราไปด้วย กฎหมายทั้ง 4 ฉบับต้องใช้เชิงคุณภาพ เราต้องหยุดยาเข้าและหยุดเงินไหลออก นี้คือแนวคิดของการปราบปรามยาเสพติดที่ถูกต้อง"

ตำนานมือปราบยานรก บอกต่อว่า พูดถึงเรื่องหลักการทำงานของผมที่ผ่านมา ผมมีจุดยืนที่เข้มแข็งและดี ไม่ว่าผมจะถูกย้ายไปไหนในทุกๆ ปี ผมเคยถามผู้บังคับบัญชาว่าย้ายเพราะอะไร ท่านตอบว่าให้ผมไปช่วยพื้นที่ตรงนั้น ฟังแล้วเกิดความรู้สึกภูมิใจมาก จึงไม่กังวลกับการโยกย้ายเลย ผมรับโล่ยาเสพติดมาทุกระดับจนถึงยอดเยี่ยม มีตำรวจเพียงไม่กี่คนที่รับยอดเยี่ยม เป็นรางวัลสูงสุดในเรื่องการปราบปรามยาเสพติด

ผมใช้แนวทางพื้นฐานการสืบสวน 3 ทาง คือ ทางราบ ทางเส้นทางการเงิน และทางการสื่อสาร เพื่อทำลายโครงสร้างของทุกขบวนการ รวมถึงผมยังได้รับโล่ปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ เห็นไหมว่าขบวนการพวกนี้มีตั้งแต่เจตนารมณ์ของกฎหมาย และเจตนารมณ์พิเศษของผู้กระทำความผิด ถ้าเราเข้าใจทั้ง 2 เรื่องทุกอย่างจบ และจะสามารถทำลายขบวนการเหล่านี้ได้อย่างแท้จริง

ความประทับใจของผมคือหยุดคนเลวได้ ผมรอบรู้ชำนาญการกับคนอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะเรื่องของขบวนการ คนที่อยู่เบื้องหลังหรือตัวการเขาไม่ได้ออกหน้า นักสืบไม่ใช่แค่จับแต่ต้องหยุดขบวนการให้ได้ โดยทำลายโครงสร้างและตัวการ เพื่อไม่ให้กระทบกับประเทศ เศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชน นี้คือสิ่งที่ผมภูมิใจที่สุดและทำให้ผมสามารถทำงานได้ทุกคดี โดยใช้พื้นฐานของการสืบสวน 3 ทาง

"ผมภูมิใจที่จะพูดได้ว่าผมเป็นอาจารย์ ให้ความรู้ตำรวจทั่วประเทศด้วยการสืบสวน 3 ทาง นักสืบดึกดำบรรพ์ผมอาจจะไม่ใช่ฝีมือขนาดเขา แต่ผมมาสร้างแนวทางการสืบสวนในมิติใหม่ ผมออกหนังสือหลายครั้งและนักสืบทุกคนก็ยอมรับว่า ผมทำงานสืบสวนของยาเสพติด จนเป็นที่ประจักษ์และมีผลงานชัด โดยเฉพาะภาค 7, 8 และ 9 เกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดทั้งนั้น"

รอง ผบช.น. พูดถึงอาชีพตำรวจว่า สิ่งที่เหมือนกันตั้งแต่ผมเข้ามาเป็นตำรวจ คือ ให้ความเข้มแข็ง อดทน และมีวินัย หากมีทั้ง 3 อย่างนี้ผมเดินได้อย่างมั่นใจเลยว่าจะทำงานอะไรก็ได้ ที่สำคัญคือต้องมีวินัยในตัวเอง อาจจะไม่ถึงขั้นทหารเพราะนั่นคือภาพลักษณ์ แต่วินัยในตัวเองคือต้องรู้ว่าแต่ละวัน จะต้องทำอะไรที่เหมาะสมกับสภาพ ผมเป็น รอง ผบช.น.ด้านยาเสพติดก็ต้องทำงานเรื่องยาเสพติดอย่างทุ่มเทและตั้งใจ

สำหรับการวางรากฐานให้ตำรวจรุ่นใหม่ ผมมองว่าอุดมคติที่มีมาตั้งแต่ ร.ร.นรต.นับเป็นเรื่องสำคัญที่สุดนั้นก็คือการมีวินัย และการเอื้อเฟื้อดูแลประชาชนด้วยหัวใจ ถ้าทำตามได้ตำรวจเราก็มีความสุขแล้ว ความสุขที่ได้คือการทำให้คนมีความสุข ตัวผมเองทำตามปณิธานที่เคยตั้งไว้ได้ 90 เปอร์เซ็นต์ 1. ความซื่อสัตย์สุจริต 2. ความมุ่งมั่น 3. อุดมคติ และ 4. เอาผลงาน บทเรียน และประสบการณ์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ผมมองตำรวจรุ่นใหม่ว่าถ้าเขาเข้าใจเรื่องอุดมคติ และยึดถือไว้ได้ผมว่าเขาชนะแล้ว และในวันข้างหน้าควรพัฒนาตัวเองให้เป็นมืออาชีพ คำว่ามืออาชีพของผมหมายถึงผู้ชำนาญการ ผมเคยฟังคำถามจากผู้ใหญ่ว่า คุณอยากจะโตในตำแหน่งนี้ คุณมีความสามารถพิเศษอะไร นี้คือคำถามที่ติดอยู่ในหัวสมองผมเลย ทุกวันนี้ผมถามลูกน้องและถามตัวเอง ตกลงการจะขึ้นในตำแหน่งต่างๆ เรามีความสามารถเฉพาะตัวอะไรบ้าง

"กลายเป็นว่าในอนาคตมันเปลี่ยนแปลงไปเยอะ ถ้าคุณไม่พัฒนาตัวเอง ไม่มีความชำนาญ หรือไม่เป็นมืออาชีพ คุณจะอยู่ในสังคมตำรวจ หรือแก้ไขปัญหายากมาก ต้องอย่าลืมว่าอาชญากรจะคอยปรับเปลี่ยนอาชญากรรม ไปในอีกหลากหลายรูปแบบที่ตำรวจอาจตามไม่ทัน สุดท้ายคุณจะกลายเป็นผู้เดินตามไม่ใช่ก้าวนำมัน"






กำลังโหลดความคิดเห็น