-บช.ปส.แถลงรวบเครือข่ายลำเลียงยาเสพติด 3 คดี ยึดยาบ้า 6 ล้านเม็ด ไอซ์ 300 กก. กัญชาอีก 520 กก.จับผู้ต้องหาได้ 10 ราย ขนจากภาคเหนือ มุ่งหน้าภาคกลาง มูลค่า790 ล้าน
วันนี้ (28 พ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผช.ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนง รองผบช.ปส. พล.ต.ต.วัชระ ทิพย์มงคล ผบก.ปส.3 และพ.ต.อ.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบก.ปส.3 ร่วมแถลงผลการจับกุม 10 ผู้ต้องหาคดียาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้า 6 ล้านเม็ด ไอซ์ 300 กิโลกรัม และกัญชาอีก 520 กิโลกรัม รวมมูลค่ายาเสพติดและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 790 ล้านบาท
โดยคดีแรกจับกุมนายวิทวัส หรือก้อง รัตนสีหา อายุ 30 ปี,นายกฤติเดช หรืออาท ปุยะพันธ์ อายุ 33 ปี นายเอ๋ เงินยอดรัก อายุ 30 ปี และน.ส.มุกดา หรือมุก ลาดกระโทก อายุ 25 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 6 ล้านเม็ด รถยนต์ 4 คัน โทรศัพท์ 7 เครื่อง หลังเจ้าหน้าที่สืบสวนทราบว่าจะมีกลุ่มนักค้ายาเสพติดเครือข่าย “เอ๋ เงินยอดรัก” จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยใช้รถยนต์หลายคันลำเลียง ต่อมาชุดจับกุมพบรถยนต์ต้องสงสัยตามที่ได้รับแจ้งทั้งหมด 3 คัน ขับตามกันมาบนเส้นทางรอง ลัดเลาะเลี่ยงด่านตรวจ โดยมีรถนำ สำรวจเส้นทางและมีรถคุ้มกันตามกันไปในเส้นทางเดียวกันตลอด
กระทั่งรถยนต์ทั้ง 3 คัน ขับมาถึงด่านตรวจ สภ.ขาณุวรลักษบุรี ต.สลกบาตร อ. ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร ก็ได้จอดรออย่างผิดปกติก่อนถึงด่านตรวจ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบยาบ้า 6 ล้านเม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ยขนาดใหญ่ 20 ใบ อยู่ภายในรถยนต์ตู้โตโยต้า สีขาว ทะเบียน ฮน 5376 กทม. ซึ่งมีนายวิทวัส เป็นผู้ขับ จึงจับกุมนายวิทวัสและพวกรวม 4 คน ส่งพนักงานสอบสวนบก.ปส.3 บช. ปส. ดำเนินคดีในข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
คดีที่ 2 จับกุมนายวันชัย แก่นจันทร์ อายุ 39 ปี นายอรรถพล อนุรมณ์ อายุ 22 ปี และน.ส.อุรัสยา สายสี อายุ 19 ปี ทั้งหมดเป็นชาวจ.อุบลราชธานี พร้อมของกลาง กัญชา 8 กระสอบ น้ำหนัก 300 กิโลกรัม รถยนต์ 2 คัน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง จับกุมได้ที่สี่แยกไฟแดงหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร ต.ธาตุนาเวง อ.เมือง จ.สกลนคร
โดยชุดจับกุมได้รับแจ้งว่า เครือข่ายนายวันชัย จะลักลอบลำเลียงกัญชา จากชายแดนติดกับแม่น้ำโขงทางด้าน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เพื่อจะไปส่งให้กับลูกค้าตอนใน โดยเครือข่ายนี้ ใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีดำ ทะเบียน 2ฒฆ 1062 กรุงเทพฯ ลำเลียงกัญชา มีรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแมคซ์ สีขาว ทะเบียน กว 6696 อยุธยา สำรวจเส้นทางและสังเกตการณ์ท้ายขบวน ต่อมารถยนต์สองคัน ขับไปตามเส้นทาง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม มุ่งหน้าแยกท่าแร่ จ.สกลนคร กระทั่งรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุฯ ขับมาถึงสี่แยกไฟแดงหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้หยุดรถยนต์คันดังกล่าว และแสดงตัวเข้าตรวจค้น พบนายวันชัย เป็นผู้ขับขี่ มีนายอรรถพลและน.ส.อุรัสยา โดยสารในรถ พร้อมติดตามรถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสันฯ ซึ่งขับหลบหนีเข้าไปยังเขตพื้นที่ อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นเส้นทางคดโค้งและแคบทำให้รถเสียหลักเฉี่ยวชนเสาไฟฟ้าตกลงข้างทาง ไม่สามารถขับต่อได้ ผู้ขับขี่ได้อาศัยความมืดหลบหนีไป เมื่อตรวจค้นรถคันดังกล่าว พบกัญชาแห้งอัดแท่ง จำนวน 8 กระสอบ น้ำหนัก 300 กิโลกรัม วางเรียงซ้อนกันอยู่ภายในห้องโดยสาร จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 5 (กัญชา) ไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายฯ และขยายผลออกหมายจับบุคคลในเครือข่ายก่อนยึดทรัพย์ตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ต่อไป
และคดีที่ 3 จับกุม ร.ต.ท.ชิณณวรรณ นิติพีรนันท์ อายุ 60 ปี เป็น อดีตข้าราชการตำรวจ พร้อม นางธีรนาฏโชติอ่อน อายุ 49 ปี และนายณัฐวัฒน์ โชติพงศ์วรภัทร อายุ 34 ปี พร้อมกลาง ไอซ์ น้ำหนัก 520 กิโลกรัม รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ สีน้ำตาล,รถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไตรตัน สีขาว และโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่ จ.สุโขทัย จุดแรกที่ริมถนนหน้าศูนย์รักษาความปลอดภัยชุมชนตำบลสามเรือน อ.ศรีสำโรง อีกจุดต่อเนื่องถนนหมายเลข 1305 เยื้องกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ต.ป่างิ้ว อ.ศรีสัชนาลัย และที่ริมเขาวัดเขาแก้วชัยมงคล ต.ทุ่งเสลี่ยม
โดยก่อนเกิดเหตุชุดจับกุมได้รับแจ้งเบาะแสว่า มีทีมงานขนส่งลำเลียงยาเสพติดที่ลักลอบพาคนต่างด้าวเข้าเมืองผิดกฎหมาย ได้รับจ้างมาจากนายทุนพ่อค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ให้นำยาเสพติดมาส่งให้กับลูกค้าในภาคกลาง จึงวางแผนสกัดกั้นและจับกุม ร.ต.ท.ชิณวรรณ กับนางธีรนาถ ได้ริมถนนหน้าศูนย์รักษาความปลอดภัยชุมชนตำบลสามเรือน ก่อนตามจับกุมนายณัฐวัฒน์ ได้ริมถนน 1305 เยี้ยงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลป่างิ้ว
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตรวจยึดรถยนต์มิจซูบิชิ ปาเจโร่ ที่ซุกซ่อนไอซ์ไว้ภายใน 520 กก.ที่ผู้ต้องหาจอดทิ้งไว้ริมเขาวัดแก้วชัยมงคล ก่อนแจ้งข้อหา ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์,เมทแอมเฟตามีน)ไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินการขยายผลติดตามและตรวจยึดทรัพย์สินตาม พ.ร.บ.มาตรการฯ ต่อไป
ทั้งนี้พล.ต.ท.ชินภัทร กล่าวว่า อดีต ร.ต.ท.ชิณณวรรณ ถูกไล่ออกจากราชการเมื่อปี 2544 เพราะมีพฤติกรรมประพฤติชั่วร้ายแรง ทั้งการค้ามนุษย์ ลอบนำชาวต่างด้าวเข้าประเทศมาหลายร้อยครั้ง ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จะคุมตัวไปสอบปากคำเพื่อหารายละเอียดอื่นเพิ่มเติม เพราะตอนนี้เจ้าตัวยังให้การภาคเสธเกี่ยวกับคดียาเสพติดอ้างว่าทำเป็นครั้งแรก เพราะได้ลอบนำต่างด้าวเข้ามาแต่ไม่ทราบว่า จะมียาเสพติด แต่ตำรวจยืนยันว่า ไม่ได้กลั่นแกล้งเพราะทำตามหน้าที่และหลักฐานที่พบ เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติกรรมลอบขนยาเสพติดมาแทบจะทุกวันในระยะเวลา 1 เดือน
นอกจากนี้พล.ต.ท.ชินภัทร ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ใกล้เข้าสู่เทศกาลวันหยุดยาว จึงได้สั่งการให้ตำรวจในสังกัด บช.ปส.เพิ่มความเข้มข้นการสกัดกั้นผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติด เข้ามาตามเส้นทางต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากฤดูกาลนี้จะมีความแห้งแล้ง ทำให้ผู้ค้าสามารถลักลอบนำยาเสพติดเข้ามาในประเทศได้ง่ายมากขึ้น ทั้งนี้สำหรับยาเสพติดของกลางทั้งหมดที่ตำรวจตรวจยึดได้ บช.ปส.จะส่งสาธารณสุขดำเนินการทำลายทิ้งทั้งหมด ไม่ได้เก็บไว้เพื่อให้ถูกลอบนำออกไปจำหน่ายในท้องตลาดได้อีก