xs
xsm
sm
md
lg

อัยการสั่งฟ้อง 9 แกนนำ กปปส.กบฏ ชุมนุมไล่ยิ่งลักษณ์ “เทพเทือก-ลูกหมี” โดนก่อการร้ายซ้ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - อัยการยื่นฟ้อง “สุเทพ-แกนนำ กปปส.” รวม 9 ราย ข้อหาเป็นกบฏ กรณีชุมนุมขับไล่รัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ปี 56-57 “สุเทพ-ชุมพล” โดนข้อหาก่อการร้ายซ้ำ ศาลสอบคำให้การจำเลยปฏิเสธ ทนายความยื่นหลักทรัพย์ 8 แสนบาทขอประกันตัว ขณะที่กลุ่ม กปปส.อีก 34 คนขอเลื่อนฟังการสั่งคดี



ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก วันนี้ (24 ม.ค.) เวลา 10.45 น. พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อายุ 69 ปี อดีตเลขาธิการ กปปส. , นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อายุ 57 ปี แกนนำ กปปส.อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อดีต ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์, นายชุมพล จุลใส อายุ 48 ปี แกนนำ กปปส.แยกราชประสงค์และอดีต ส.ส.ชุมพร ประชาธิปัตย์ , นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อายุ 50 ปี แกนนำ กปปส.แยกราชประสงค์และอดีต ส.ส. กทม.ประชาธปัตย์ , นายอิสสระ สมชัย อายุ 72 ปี แกนนำ กปปส.ห้าแยกลาดพร้าวและอดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ ประชาธิปัตย์และ , นายวิทยา แก้วภราดัย อายุ 63 ปี แกนนำ กปปปส.ลุมพินี และอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ประชาธิปัตย์ , นายถาวร เสนเนียม อายุ 71 ปี แกนนำ กปปส.อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและ อดีต ส.ส.สงขลา ประชาธิปัตย์ , นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อายุ 52 ปี แกนนำ กปปส.แยกอโศกและอดีต ส.ส. กทม. ประชาธิปัตย์ และ นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ อายุ 32 ปี อดีตโฆษก กปปส. และอดีต ส.ส. กทม. ประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยที่ 1-9 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ , ก่อการร้าย, ยุยงให้หยุดงานฯ , กระทำให้ปรากฏด้วยวาจาหรือวิธีการอื่นใดฯ ทำให้เกิดความปั่นป่วนกระด้างกระเดื่องในราชอาณาจักรฯ , อั้งยี่ , ซ่องโจร, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมืองฯ, บุกรุกในเวลากลางคืนฯ และร่วมกันขัดขวางการเลือกตั้งฯ รวม 9 ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 , 116 , 117 , 135/1 , 209 , 210 , 215 , 216 , 362 , 364 , 365 , พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 ม.76 , 152 ประกอบ ม.83 และ 91

โดยฟ้องอัยการ 17 หน้าบรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 56 ถึง 1 พ.ค. 57 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืน จำเลยทั้ง 9 ร่วมสมคบกันเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร โดยเข้าเป็นสมาชิก หัวหน้าผู้มีตำแหน่งสั่งการของคณะบุคคล ร่วมกันโดยแบ่งหน้าที่กันทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักรฐานเป็นกบฏ เพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ ระหว่างที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งระหว่างนั้นมีกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองเคลื่อนไหวคัดค้านหลายกลุ่มกระทั่งวันที่ 29 พ.ย. 56 กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้จัดตั้งเป็นคณะบุคคลที่ปกปิดวิธีดำเนินการโดยใช้ชื่อว่า “คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข” หรือ กปปส. โดยมีนายสุเทพ จำเลยที่ 1 ประกาศตัวเป็นเลขาธิการฯ ส่วนจำเลยที่ 2-9 ได้ร่วมเป็นสมาชิกและกรรมการผู้มีหน้าที่สั่งการ โดยคณะบุคคลนั้นร่วมกันโดยมิชอบด้วยกฏหมายในการร่วมกันปลุกระดม ยุยง ชักชวน ให้ประชาชนทั่วราชอาณาจักรเข้าร่วมการชุมนุมและร่วมกิจกรรมในการก่อความไม่สงบโดยมุ่งหมายที่จะขับไล่รัฐบาล น.ส ยิ่งลักษณ์ ให้พ้นจากตำแหน่ง รวมทั้งคัดค้านและขัดขวางการเลือกตั้ง ส.ส. เพื่อไม่ให้มีนายกรัฐมนตรีและ ครม.ชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศตามวิถีทางรัฐธรรมนูญ โดยจำเลยทั้ง 9 และคณะบุคคลดังกล่าวได้ออกประกาศให้รัฐบาลหยุดปฏิบัติหน้าที่และให้ข้าราชการระดับสูงเข้ารายงานตัวต่อ กปปส. จากนั้น กปปส. จะออกคำสั่งแต่งตั้งคณะบุคคลเข้ามาใช้อำนาจบริหารประเทศแทน

ซึ่งการกระทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว จำเลยทั้ง 9 และพวกได้แบ่งหน้าที่กันทำ คือ การปราศรัยชักชวนประชาชนให้เข้าร่วมหรือออกมาขับไล่รัฐบาล อีกส่วนหนึ่งทำหน้าที่เป็นกองกำลังทั้งที่มีและไม่มีอาวุธบุกรุกเข้าไปยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานต่างๆ โดยมีการใช้กำลังขัดขวางต่อสู้ทำร้ายร่างกายและขู่ว่าจะใช้กำลังกระทำต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่รักษาอาคารสถานที่ราชการและประชาชน ขณะเดียวกันก็ได้มีการรวบรวมจัดหาชายฉกรรจ์จำนวนหนึ่งมาเป็นกองกำลังโดยเรียกว่า “นักรบศรีวิชัย , นักรบตะนาวศรี , กลุ่มกระเบนธง” โดยเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 57 ได้มีการสะสมกำลังโดยประกาศรับสมัครชายฉกรรจ์ 500 คนเพื่อทำการไล่ล่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกฯ และรัฐมนตรีอื่น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการกบฏโดยจะบีบบังคับให้ นายฯและรัฐมนตรีนั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่และให้พ้นจากตำแหน่ง จากนั้นจะตั้งศาลประชาชนขึ้นพิจารณาพิพากษาลงโทษและริบทรัพย์ นอกจากนี้พวกจำเลยได้ยุยงชักชวนให้ธุรกิจเอกชน , ข้าราชการ , พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชนร่วมกันหยุดปฏิบัติงาน ปิดงาน ไม่ยอมค้าขาย ชะลอและงดการจ่ายภาษีให้รัฐบาลพร้อมกันให้บุกรุกเข้าไปยังสถานที่ราชการ สถานที่เอกชน รัฐวิสาหกิจ และศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งการกระทำนั้นได้เผยแพร่ให้ปรากฏแก่ประชาชนทั่วราชอาณาจักรผ่านการกล่าวปราศรัย ที่ถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์หลายแห่ง และจัดให้มีการชุมนุมใหญ่ของประชาชนที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  ถ.ราชดำเนินและบริเวณใกล้เคียง กระทั่งมีการขยายและยกระดับการชุมนุมด้วยการนำประชาชนเดินขบวน เคลื่อนย้ายด้วยยานพาหนะหลายชนิดไปปิดล้อม บุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นรวมทั้งตัดระบบไฟฟ้าน้ำปะปาในทำเนียบรัฐบาล กระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน กระทรวงพลังงาน ศูนย์ราชการฯแจ้งวัฒนะ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) สำนักงานเขตหลักสี่ ศูนย์เยาวชนไทย ญี่ปุ่น ดินแดง และ รัฐวิสาหกิจรวมทั้งเอกชนที่สำคัญหลายแห่ง เช่น อาคารเอ็นเนอจีคอมเพล็กซ์ ถ.วิภาวดีรังสิต ซึ่งหลังจากบุกรุกเข้าไปในสถานที่ต่างๆหลายแห่งแล้วพวกจำเลยร่วมกันใช้กำลังประทุษร้ายด้วยการใช้ ก้อนหิน , ขวดแก้ว , ไม้ท่อน , หนังสติ๊ก , กระสุนหัวน็อต , ระเบิดเพลิงปะทัดยักษ์ , ระเบิดปิงปอง , อาวุธปืนสั้น-ปืนยาวฯ มีดปลายแหลม เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งรักษาความสงบเรียบร้อยได้รับอันตรายและมีเสียชีวิตหลายราย

และตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค. – 2 มี.ค. 57 จำเลยกับพวกยังได้ปิด กทม. หรือ Bangkok Shutdown รว 7 จุด โดยตั้งเวทีปราศรัยปิดกั้นการจราจรสาธารณะประกอบด้วยเวทีแจ้งวัฒนะ , ห้าแยกลาดพร้าว , อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ , แยกปทุมวัน , แยกราชประสงค์ , สวนลุมพินี และแยกอโศก โดยมีการนำแท่งปูน , ผนังคอนกรีต , รั้วลวดหนาม และยางรถยนต์วางเป็นเครื่องกีดขวาง แล้วในช่วงการประกาศการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 ก.พ. 57 จำเลยกับพวกยังให้มีการชุมนมปิดล้อมหน่วยรับสมัครและหน่วยเลือกตั้งใน กทม. และต่างจังหวัดหลายแห่งเพื่อไม่ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. แล้ววันที่ 5 เม.ย. 57 ยังได้ร่วมกันประกาศว่ากลุ่ม กปปส. จะเข้าใช้อำนาจอธิปไตย และประกาศตัวเป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่จะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกฯและ ครม.

นอกจากนี้ระหว่างวันที่ 29-30 พ.ย. 56 นายสุเทพ เลขาธิการ กปปส. และนายชุมพล แกนนำ กปปส. จำเลยที่ 1และ3 ยังร่วมกันก่อการร้าย โดยทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อระบบโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นประโยชน์สาธารณะเช่น เครื่องควบคุมการจ่ายกระแสไฟฟ้าหลักและไฟฟ้าสำรองของ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท. รวมทั้งระบบอินเตอร์เน็ตส่วนใหญ่ของประเทศไม่สามารถใช้งานได้เป็นเวลาหลายชั่วโมงทำให้เกิดความเสียหายนับพันล้านบาท เหตุเกิดในพื้นที่ กทม. และจ.นนทบุรี , จ.เพชรบุรี , จ.พังงา , จ.ชุมพร , จ.นครศรีธรรมราช , จ.ยะลา หลายแห่งเกี่ยวพันกัน โดยจำเลยที่ 1-4 , จำเลยที่ 7-9 เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนดีเอสไอเมื่อวันที่ 26 พ.ค. 57 , จำเลยที่ 5 เข้ามอบตัวที่ 28 พ.ค. 57 และจำเลยที่ 6 เข้ามอบตัววันที่ 27 พ.ค. 57 ชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 9 ให้การปฏิเสธ ซึ่งหากจำเลยยื่นขอปล่อยชั่วคราวอัยการก็ขอให้อยู่ในดุลพินิจของศาล โดยท้ายฟ้องอัยการโจทก์ ยังขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยทั้งเก้าตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. พ.ศ.2550 ด้วย

ศาลได้ประทับรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.247/2561 และสอบคำให้การเบื้องต้นแล้วจำเลยให้การปฏิเสธ โดยนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 19 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ขณะที่จำเลยทั้งเก้า ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพ บจก.วิริยะประกันภัย เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี ซึ่งขณะนี้คำร้องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลโดยศาลกำหนดวงเงินประกันจำเลยรายละ 800,000 บาท

ด้าน นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวภายหลังแกนนำ กปปส.เข้าฟังคำสั่งทางคดีที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ว่าคดีนี้เป็นคดีพิเศษที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับไว้ดำเนินคดี และมีการส่งสำนวนให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องตั้งแต่ปี 2557 โดยมีผู้ต้องหา 58 คนในขณะนั้น นายนันทศักดิ์ พูนสุข เป็นอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง 1 ราย คือ อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแยกฟ้องไป 4 คน คือ นายเสรี วงษ์มณฑา, นายสมบัติ ธำรงค์ธัญวงศ์, นายสนธิญาน ชื่นฤทัยในธรรม และนายสกลธี ภัททิยะกุล โดยอัยการมีความเห็นส่งฟ้องต่อศาล ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ค. 2557

นายประยุทธกล่าวต่อว่า อัยการได้นัดผู้ต้องหาที่เหลือมาฟังคำสั่ง โดยมีผู้ต้องหา 9 คนเดินทางมาฟังคำสั่ง ประกอบด้วย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ต้องหาที่ 1, นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ผู้ต้องหาที่ 2, นายชุมพล จุลใส ผู้ต้องหาที่ 3, นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้ต้องหาที่ 4, นายอิสสระ สมชัย ผู้ต้องหาที่ 5, นายวิทยา แก้วภราดัย ผู้ต้องหาที่ 6, นายถาวร เสนเนียม ผู้ต้องหาที่ 7, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผู้ต้องหาที่ 8, นายเอกณัฏ พร้อมพันธุ์ ผู้ต้องหาที่ 9 อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ, ยุยงปลุกปั่น, กระทำให้ปรากฏแก่วาจาฯ, อั้งยี่ ซ่องโจร, มั่วสุมกันเกิน 10 คน, ประทุษร้าย, ขัดขวางการเลือกตั้ง รวม 8 ข้อหา โดยนายสุเทพและนายชุมพล อัยการสั่งฟ้องในข้อหาร่วมกันก่อการร้าย ด้วย

นายชาติพงษ์ จีรพันธ์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษระบุว่า ยังมีผู้ต้องหาที่เหลืออีก 34 คนที่ส่งทนายและคำร้องมาขอเลื่อนฟังคำสั่งออกไปก่อน ขณะนี้อัยการอยู่ระหว่างพิจารณาเหตุผลและความจำเป็น เป็นรายบุคคลว่ามีเหตุผลสมควรให้เลื่อนหรือไม่ คณะทำงานอัยการกำลังพิจารณาโดยจะมีคำสั่งภายในเวลาราชการ 16.30 น.อีกครั้งว่าจะอนุญาตให้เลื่อนทั้งหมดหรือไม่ หากระหว่างนี้ผู้ต้องหาที่แจ้งขอเลื่อนไว้ จะเดินทางมาพบอัยการก็อาจจะเป็นได้จึงต้องรอสั่งในเวลา 16.30 น.


กำลังโหลดความคิดเห็น