xs
xsm
sm
md
lg

“สุริยัณห์ หงษ์วิไล” นั่งโฆษกศาลยุติธรรม เลขาศาลฯ มอบนโยบายทางจอภาพทางไกล

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


mgr online - ประธานศาลฎีกาแต่งตั้ง “สุริยัณห์ หงษ์วิไล” นั่งโฆษกศาลยุติธรรม ด้านเลขาฯ ศาลยุติธรรม จัดประชุมผู้บริหารศาล 262 ศาลทั่วประเทศ ทางจอภาพทางไกล มอบนโยบาย 4 ข้อเพื่ออำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน



วันนี้ (3 ต.ค.) นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่าได้ประชุมผู้บริหารศาล 262 ศาลทั่วประเทศ ทางระบบประชุมจอภาพทางไกลว่า นายชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา ได้มอบนโยบาย 4 ข้อเพื่ออำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชน และพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการ คือ 1. เร่งอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนให้รวดเร็วเป็นธรรม ปราศจากอคติ 2. มีการพัฒนาศักยภาพของข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ฝึกอบรมทั้งในและต่างประเทศ โดยจัดอบรมผู้พิพากษาทุกระยะ ตั้งแต่เป็นผู้ช่วยผู้พิพากษาจนถึงชั้นผู้พิพากษาอาวุโส เน้นความมีจริยธรรม 3. เน้นนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้เกิดความสะดวก เช่น การยื่นฟ้องทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ การตรวจสอบคำคู่ความต่างๆ ศูนย์ข้อมูลคดีอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลคดีทั่วประเทศ เพื่อเข้าถึงง่าย เสียค่าใช้จ่ายน้อย 4. เรื่องเงินเดือนค่าตอบแทนข้าราชการฝ่ายตุลาการที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ และนโยบายทั้งหมดได้กำหนดขั้นตอนให้ปฏิบัติทันที

นายสราวุธยังกล่าวถึงการดำเนินโครงการของศาลว่า เรามีการพัฒนาศักยภาพในการอบรมหลักสูตรผู้พิพากษาและการจัดสัมมนาให้ความรู้เมื่อมีการปรับปรุงกฎหมายใหม่ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำอยู่แล้ว รวมถึงการดำเนินโครงการระบบยื่นฟ้องคดีทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filing) เครื่องติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (กำไล EM) และศูนย์ข้อมูลเชื่อมโยงคดีทั่วประเทศมาใช้งานให้ครอบคลุมมากที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าในการพิจารณาข้อเสนอของกลุ่มผู้พิพากษาศาลชั้นต้น ให้แก้ไขสัดส่วนองค์ประกอบของคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เป็นสัดส่วน 4-4-4 นายสราวุธกล่าวว่า ได้มีการรับฟังความคิดเห็นตามขั้นตอนปกติ ขณะนี้อยู่ในชั้นอนุคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) เพื่อตัดสินใจว่าจะมีการแก้ไขร่างกฎหมายหรือไม่ ซึ่งต้องรับฟังทุกเสียง และยอมรับเสียงข้างมาก ส่วนการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นนั้น ที่ผ่านมามีการรับฟังความคิดเห็นแล้ว เนื่องจากปัจจุบันมีเทคโนโยลีการสื่อสารที่รวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องมาประชุมร่วมกันก็ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่มีสื่อมวลชนโทรทัศน์ช่องหนึ่ง รายงานผลคำพิพากษาคดีโครงการรับจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ก่อนที่ศาลอ่านคำพิพากษาเสร็จสิ้น นายสราวุธกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าสื่อมวลชนดังกล่าวมีการนำเอาข้อมูลดังกล่าวมาจากไหน ต้องไปถามเอาเอง แต่ยืนยันถึงระบบการประชุมทำคำพิพากษา การรักษาความลับเป็นไปตามมาตรฐาน มีการระมัดระวังในการทำคำพิพากษา รวมถึงการเก็บโทรศัพท์ขององค์คณะฯ และตัดสัญญาณโทรศัพท์ในห้องพิจารณา จึงยืนยันว่าไม่มีทางที่จะมีคำพิพากษาหลุดออกไปอย่างแน่นอน ซึ่งในอดีตสื่อมวลชนก็เคยมีการคาดการณ์ผลคำพิพากษาไว้ล่วงหน้า

เมื่อถามต่อว่าจะเป็นการละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ นายสราวุธกล่าวว่า เราเชื่อมั่นในกระบวนการทำคำพิพากษาเป็นไปตามมาตรฐาน จึงไม่ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ตนรับประกันคำพิพากษาไม่รั่วไหลแน่นอน การที่สื่อรายงานคำพิพากษาออกมาได้ตรงนั้นต้องย้อนไปถามสื่อมวลชนว่าเหตุใดจึงรายงานคำพิพากษาได้ตรง มีการคาดการณ์หรือได้ข้อมูลมาจากที่ใด หรือนั่งทางในเอา ส่วนเรื่องละเมิดอำนาจศาลเมื่อยังไม่ปรากฏพบว่ามีความเสียหาย จึงไม่ดำเนินการในเรื่องนี้ กรณีที่เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลจะต้องเป็นลักษณะการนำเสนอข่าวโน้มน้าวศาลให้พิพากษาไปในแนวทางใดแนวทางหนึ่งมากกว่า

ขณะเดียวกัน ประธานศาลฎีกาได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้นายสุริยัณห์ หงส์วิไล ผู้พิพากษาประจำกองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา เป็นโฆษกศาลยุติธรรม มีหน้าที่สื่อสารข้อมูลข้อเท็จจริิงและให้ข่าวที่ประชาชนให้ความสนใจ หรือเป็นเรื่องเร่งด่วน

ด้านนายสุริยัณห์ หงส์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม แถลงว่า ตนจะทำหน้าที่ให้ข้อมูลความจริงที่เร็วและจริงใจ จากองค์กรศาลยุติธรรมสู่ประชาชนผ่านสื่อมวลชน ด้วยความเป็นกลางถูกต้องและเหมาะสม และการเผยแพร่คำพิพากษา การอธิบ่ายกฎหมายจะมีความชัดเจน ประชาชนจะมีความเข้าใจกระบวนการยุติธรรมได้โดยง่าย คดีความที่เป็นข่าวใหญ่ สังคมให้ความสนใจก็จะเปิดเผยให้สื่อมวลชนสามารถเสนอข่าวได้ทันทุกช่วงเวลา
กำลังโหลดความคิดเห็น