MGR Online - โฆษกศาลยุติธรรม ยอมรับหนุ่มใหญ่ที่ปรากฏในโลกโซเชียลมีเดีย ขับรถชนคู่กรณีและแสดงอำนาจ เป็นผู้พิพากษาอาวุโสศาลแขวงนนทบุรีจริง ขณะนี้ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 1 เตรียมเรียกถามข้อมูลเบื้องต้น ขอสื่ออย่าประโคมโทษกันไปมาระหว่างศาล หรือ อัยการ
วันนี้ (31 ก.ค.) นายธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าวถึงกรณีตามที่มีข่าวปรากฏตามสื่อต่างๆ รวมทั้งในโซเชียลมีเดีย ถึงเรื่องที่มีผู้กล่าวอ้างว่ามีอัยการขับรถชนคู่กรณีและแสดงอำนาจ อาการกิริยาที่ไม่เหมาะสม ว่า จริงๆ แล้วในบรรดาอัยการส่วนมากรู้กันตั้งแต่วันที่มีข่าวออกไปตามสื่อแล้วว่าคนที่ขับรถชนไม่ใช่อัยการ เมื่อตรวจสอบดูชื่อและตำแหน่ง แล้วจึงทราบว่าเป็นข้าราชการในกระบวนการยุติธรรมบ้านใกล้เรือนเคียงอัยการ แต่ก็รอดูกระแสข่าวโดยคิดว่าเมื่อมีการลงแก้ไขข่าวให้ถูกต้องไปตามสื่อต่างๆ แล้วว่าคนขับรถไม่ใช่อัยการอย่างที่สื่อต่างๆ ประโคมข่าวกัน เรื่องก็น่าจะยุติลงไปในทางที่ดี แต่ปรากฏว่า ยังมีคนจำนวนมากเข้าใจไปอีกว่า ในเมื่อบอกว่าไม่ใช่อัยการ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าคนที่ทำเป็นใคร แสดงว่า จริงๆ แล้วคนที่ทำก็คืออัยการแต่แสร้งแก้ข่าวว่าไม่ใช่อัยการเพื่อเบี่ยงประเด็น บ้างก็ตีความถึงที่สื่อมวลชนที่ได้ทราบข้อเท็จจริงเเละมีการแก้ข่าวให้เเล้วว่า ไม่ใช่อัยการเเต่เป็นนักกฎหมายอาวุโส
เเต่ก็อาจยังมีการตีความว่านักกฎหมายอาวุโสหมายถึงอัยการอาวุโสบ้าง หรือหมายถึงอัยการที่เกษียณอายุ เป็นอดีตอัยการไปแล้วบ้าง จนเมื่อรอมาจนถึงวันนี้ ก็ยังมีสื่อทีวีหลายช่องยังคงรายงานข่าวว่าคนขับรถเป็นอัยการอยู่อีก และยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจความเป็นจริง ซึ่งสร้างความเสียหายให้แก่ชื่อเสียงขององค์กรอัยการและอัยการทั่วประเทศเป็นอย่างมาก
จึงมีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจงให้ทราบเพื่อความชัดเจน ทั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นระหว่างองค์กรแต่อย่างใด เพราะทั้ง 2 องค์กร มีความรักใคร่ให้ความเคารพนับถือกันตามอาวุโสเป็นอย่างดี แต่ในเมื่อยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัยในหมู่ประชาชนจำนวนมาก จนทำให้เกิดความเข้าใจผิดและสร้างความเสียหายแก่ชื่อเสียงขององค์กรอัยการและอัยการในหมู่ประชาชนเช่นนี้ย่อมเป็นการไม่ดีแน่นอน
ซึ่งอัยการทุกคนมีหน้าที่ร่วมกันในการรักษาองค์กรอัยการให้เป็นที่น่าเชื่อถือเคารพและศรัทธา ให้สมกับที่เป็นเสาหลักที่สำคัญของกระบวนการยุติธรรม ถ้าองค์กรอัยการและอัยการไม่เป็นที่เชื่อถือและศรัทธาแก่ประชาชนแล้ว นอกจากความเสียหายจะเกิดขึ้นแก่ตัวอัยการเองแล้ว ผลเสียหายในบั้นปลายที่สุดก็จะตกอยู่กับประชาชนให้เป็นผู้รับเคราะห์ในการเข้าถึงและแสวงหาความยุติธรรมด้วย
สำหรับข้าราชการท่านนี้ตนได้ทราบมาว่า เป็นผู้พิพากษาอาวุโส ส่วนข้อกล่าวอ้างของคู่กรณีที่พิพาทกับผู้พิพากษาอาวุโสท่านนี้จะจริงเท็จอย่างไร จะมีข้อพิพาทเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง และจริงเท็จแค่ไหน ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานและทำสำนวนการสอบสวนตามกระบวนการของกฎหมายต่อไป
ตนเองอยากฝากเป็นข้อสังเกตว่า การนำเสนอข้อมูลข่าวสารทางสื่อต่างๆ รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นในโซเชียลมีเดีย ควรใช้ความระมัดระวังตรวจสอบข้อมูลข่าวสารให้เป็นที่แน่ชัดก่อนที่จะเผยแพร่และแสดงความคิดเห็นออกไป และควรหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นด้วยการใช้ถ้อยคำที่รุนแรง หรือทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือ ถูกเกลียดชัง ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นการกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทและอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมายได้ด้วย
ต่อมาเวลา 18.00 น. นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า จากการตรวจสอบทราบว่าคู่กรณีดังกล่าว คือ นายสุเมศร์ (สงวนนามสกุล) ปัจจุบันเป็นผู้พิพากษาอาวุโสศาลแขวงนนทบุรี ซึ่งขณะนี้ นายวัชรินทร์ สุขเกื้อ อธิบดีผู้พิพากษาภาค 1 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาในพื้นที่จะทำการสดับฟังข้อเท็จจริงจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรืออยู่ในเหตุการณ์ที่จะสามารถสอบได้เพื่อที่จะดูว่า กรณีของ นายสุเมศร์จะเป็นการกระทำผิดวินัยหรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นจะต้องมีการสดับฟังเรื่องดังกล่าวก่อนว่ามีมูลหรือไม่ก่อน หากพบว่ามีมูลก็จะเป็นขั้นตอนของการสอบข้อเท็จจริงต่อไป