xs
xsm
sm
md
lg

“ชีพ จุลมนต์”จ่อปธ.ศาลฎีกา “ศิริชัย”รับไร้วาสนา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ฉลุย!ที่ประชุม อนุ ก.ต.เคาะชื่อ “ชีพ จุลมนต์” จ่อนั่งประธานศาลฎีกาคนใหม่ ส่ง ก.ต.พิจารณาขั้นสุดท้าย 11 ก.ค.นี้ ด้าน "ศิริชัย" แถลงเปิดใจ ยอมรับ "มติ ก.ต." ยันไม่คิดฟ้องร้องใคร รับผิดหวังบ้าง แต่ขอทำหน้าที่ต่อจนเกษียณ

วานนี้ (6 ก.ค.) นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์ โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยถึงการประชุมอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม( อนุ ก.ต.) เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อผู้พิพากษา แต่งตั้งเป็นประธานศาลฎีกา ว่า ในการประชุม อนุ ก.ต.ได้การพิจารณาบัญชีรายชื่อของสำนักงานศาลยุติธรรมเสนอมา และกลั่นกรองความรู้ ความสามารถ และคุณสมบัติความรอบด้านของผู้พิพากษาที่ถูกเสนอชื่อมาเสร็จสิ้นแล้ว โดยหลังจากนี้ต้องรอการเสนอสู่ที่ประชุม ก.ต.ชุดใหญ่ในวันที่ 11 ก.ค.นี้ เวลา 13.00 น. โดยรายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้จนกว่าจะมีมติโดย ก.ต. ซึ่งเป็นหลักการที่ได้ปฏิบัติมาทุกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ สำนักงานศาลยุติธรรม ได้เสนอชื่อ นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกาคนที่ 1 ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา คนที่ 44 ต่อจาก นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา ที่จะพ้นวาระบริหารในวันที่ 30 ก.ย.นี้ โดยเป็นการเสนอบัญชีรายชื่อรอบที่ 2 หลังจากที่ชื่อ นายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ ที่มีอาวุโสสูงสุด ไม่ผ่านมติความเห็นชอบของ ก.ต.ชุดใหญ่เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานศาลยุติธรรม จึงได้เสนอรายชื่อผู้พิพากษาอาวุโสรองลงมา คือ นายชีพ ดังกล่าว

วันเดียวกัน ที่ห้องประชุมศาลอุทธรณ์ ถ.รัชดาภิเษก นายศิริชัย วัฒนโยธิน ประธานศาลอุทธรณ์ แถลงข่าวว่า ยอมรับมติที่ประชุม อนุ ก.ต.และคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) เมื่อวันที่ 3 ก.ค. ที่ไม่เห็นชอบให้ตัวเองดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา แม้จะเป็นผู้ที่มีอาวุโสสูงสุด เนื่องจากเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าไม่เหมาะสม ตัวเองก็ไม่ติดใจ และไม่มีความคิดที่จะยื่นฟ้อง คณะอนุ ก.ต. และ ก.ต. ตามที่มีสื่อมวลชนนำเสนอข่าว และยังคงดำรงตำแหน่งประธานศาลอุทธรณ์เช่นเดิม

จากนั้นนายศิริชัย ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน แต่ไม่อนุญาตให้บันทึกเสียง โดยระบุความรู้สึกส่วนตัวว่า ตัวเองนั้นเป็นคนธรรมดา ไม่ได้บรรลุอรหันต์ ก็ย่อมมีความรู้สึกบ้าง และตัวเองเป็นบัณฑิตคณะนิติศาสตร์ รุ่นแรกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง และเรียนต่อระดับปริญญาโท ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมเรียนเนติบัณฑิตไปด้วย โดยประพฤติตัวดีมาตลอดเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับสถาบันการศึกษา และเคยคิดหวังว่าหากได้ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา จะเป็นคนแรกของสถาบันที่ศึกษามาทั้งในระดับปริญญาตรีและระดับปริญญาโท ที่จะได้ดำรงตำแหน่งประธานศาลฎีกา รวมถึงที่ผ่านมาทางบิดาและมารดาของตัวเองก็คาดหวัง จึงรู้สึกผิดหวังบ้าง แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับวาสนา

“ถ้าผมได้เป็นประธานศาลฎีกา ก็จะเป็นประธานศาลฎีกาคนแรกของมหาวิทยาลัยรามคำแหงและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็หวังไว้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับวาสนาด้วย แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ก็คงมีความรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง” นายศิริชัย กล่าว

นายศิริชัย ยังได้ระบุถึงกรณีที่มีการกลั่นกรองคุณสมบัติที่เชื่อว่ามีเรื่องเกี่ยวกับการโอนย้ายสำนวนคดียาเสพติด จึงทำให้ไม่ได้รับเลือกว่า กระบวนการพิจารณาสำนวน จะต้องมีความละเอียดถี่ถ้วนอย่างมาก และยืนยันว่าการโอนย้ายสำนวนมีขั้นตอนที่ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบสำนักงานศาลยุติธรรม ที่ผ่านมาได้รับโอกาสจากอนุ ก.ต. ให้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวพอสมควร แต่ไม่มากเท่าที่หวังไว้ เพราะอาจจะเห็นต่างกัน ส่วนตัวไม่คิดว่าจะลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากตัวเองยังมีแรงทำงานได้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับประชาชนต่อไป และยังมีประสบการณ์ทำงานมามากด้วย ในอนาคตเมื่อเกษียณอายุราชการคิดว่าจะเป็นผู้พิพากษาอาวุโสต่อไปด้วย

“ตามแนวปฏิบัติก่อนหน้านี้ มีข้าราชการตุลาการหลายรายที่อาวุโสสูงสุด เคยถูกเสนอชื่อให้เป็นประธานศาลฎีกา แต่ ก.ต. ไม่เห็นชอบ เมื่อได้บุคคลอื่นเป็นประธานศาลฎีกา ก็ทำงานตามตำแหน่งเดิมต่อไป ซึ่งตนเป็นประธานศาลอุทธรณ์ ก็ทำหน้าที่เดิม ไม่มีแนวทางอย่างอื่น” นายศิริชัย ระบุ

เมื่อถามต่อไปว่า ยังติดใจในเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของ ก.ต. และอนุ ก.ต.คนใดหรือไม่ นายศิริชัย กล่าวว่า ก็ไม่ได้คิดอะไร เมื่อมันจบแล้วก็ให้มันจบเลย เราก็ต้องเคารพกติกา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุม ก.ต.มีการแจ้งเหตุผลที่ไม่เห็นชอบท่านขึ้นเป็นประธานศาลฎีกาอย่างไรบ้าง นายศิริชัย กล่าวว่า รายงานกระบวนการประชุมยังไม่ออก เราก็เพียงทราบว่าไม่เห็นชอบ

เมื่อถามถึงกรณีการร้องเรียนต่อที่ประชุมอนุ ก.ต. เรื่องการทำคดีตามที่ปรากฏเป็นข่าวมีความจริงแค่ไหน อย่างไร นายศิริชัย กล่าวว่า การพิจารณาคดีของเรามีขั้นตอน คือ เมื่อเราได้รับสำนวนมา เราก็จะจ่ายสำนวนกับผู้พิพากษา ซึ่งผู้พิพากษาก็จะไปประชุมปรึกษา เมื่อปรึกษากันแล้วเขียนคำพิพากษาออกมา และมีผู้ช่วยผู้พิพากษาคอยช่วยตรวจตามที่มีการอุทธรณ์ขึ้นมา แล้วก็ยังมีผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์คณะใหญ่คอยช่วยตรวจอีก เมื่อตรวจแล้วพบว่าไม่ถูกต้องก็อาจจะมีการทักท้วง ถ้าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบก็จะเสนอส่งไปให้ผู้บริหารเพื่อจะพิจารณาอีกทีว่าร่างดังกล่าวมันชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ถ้าชอบก็ใช้ได้เลย แต่ถ้าเรื่องสำคัญก็จะส่งให้ประธานศาลอุทธรณ์เป็นผู้สั่ง

เมื่อถามต่อว่าในวันนี้ที่ประชุมอนุ ก.ต. ผ่านชื่อนายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา มีอะไรจะฝากไปถึงหรือไม่ นายศิริชัย กล่าวว่า เป็นไปตามระเบียบขั้นตอน ซึ่งก็เชื่อว่าหากนายชีพได้เป็นประธานศาลฎีกาก็คงจะดำเนินนโยบายต่อไป ตนก็เป็นเพื่อนกันกับนายชีพ ซึ่งตนกับนายชีพก็จบนิติศาสตรรามคำแหงรุ่นเดียวกัน ไม่มีอะไรคาใจกัน ตนเป็นคนไม่มีอะไรคาใจกับใคร เพราะไม่มีประโยชน์ที่จะไปคาใจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมอนุ ก.ต.เพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อผู้พิพากษาเสนอแต่งตั้งเป็นประธานศาลฎีการอบที่สองนั้น ในวันนี้ (6 ก.ค.) ที่ประชุมอนุ ก.ต. 3 ชั้นศาล 21 คน ซึ่งวันนี้มีอนุ ก.ต.เข้าประชุม 20 คน เนื่องจากมี 1 คน ติดภารกิจนั้น ได้ลงมติเอกฉันท์ผ่านบัญชีรายชื่อผู้พิพากษาตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมเสนอนายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา คนที่ 1 และสรุปรายงานกลั่นกรองคุณสมบัติรอบด้านที่พร้อมเสนอสู่ที่ประชุม ก.ต.ชุดใหญ่ 15 คน ที่จะมีนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา นั่งเป็นประธานการประชุมในวันที่ 11 ก.ค. นี้ เวลา 13.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น