MGR Online - เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมหนุ่มวัย 24 ปี อ้างตัวเป็นตำรวจสังกัดกองปราบ พกพาอาวุธปืนเรียกเก็บผลประโยชน์ร้านค้าในพื้นที่ จ.ภูเก็ต สอบสวนผู้ต้องหาอ้างมีความใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจ แต่เกิดอุบัติเหตุขาพิการเสียก่อน
วันนี้ (20 ส.ค.) เวลา 09.30 น. ที่ กองปราบปราม พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.บุญลือ ผดุงถิ่น พ.ต.ท.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ พ.ต.ท.อนรรฆ ประสงค์สุข รอง ผกก.2 บก.ป. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม นายฉัตริน ทองธีรกุล หรือแสตมป์ อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 124/160 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น พร้อมของกลางอาวุธปืนกล็อก ขนาด .40 จำนวน 1 กระบอก กระสุน 76 นัด อาวุธปืนลูกซองยี่ห้อเรมิงตัน จำนวน 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืนเบอร์ 12 จำนวน 4 นัด วิทยุสื่อสาร 1 เครื่อง บัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจสังกัดกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ระบุชื่อ ส.ต.ท.ฉัตริน ทองธีรกุล ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (สส) ปฏิบัติราชการ ภ.จว.ภูเก็ต และเครื่องแบบตำรวจสังกัดกองปราบปราม จำนวน 1 ชุด โดยจับกุมได้ภายในบ้านเลขที่ 33/3 ถ.ห้าสิบ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต
พ.ต.อ.ศิร์ธัชเขต กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีผู้เผยแพร่ภาพผ่านเฟซบุ๊กในเพจ sportlight Phuket ว่า มีบุคคลอ้างตัวเป็นตำรวจกองกำกับการ 2 กองปราบปราม มีพฤติกรรมเก็บส่วย และพกพาอาวุธปืน ในจังหวัดภูเก็ต สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่ จึงประสานข้อมูลร่วมกับ กก.5 บก.ทท.(ตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต) จากการสืบสวนและตรวจสอบ พบว่า บุคคลดังกล่าว คือ นายฉัตริน และไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด จึงได้นำกำลังเข้าจับกุมพร้อมของกลางดังกล่าว
สอบสวน นายฉัตริน รับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ ประกอบอาชีพเกี่ยวกับการวางระบบคอมพิวเตอร์ให้หน่วยงานราชการ และบริษัทต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่น ก่อนที่จะเข้ามาช่วยทำงานด้านคอมพิวเตอร์ให้กับตำรวจ ทั้งนี้ มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นตำรวจ แต่เกิดประสบอุบัติเหตุเมื่อ 3 ปีก่อน ส่งผลให้ขาพิการผิดรูป ไม่สามารถสอบเข้ารับราชการตำรวจได้ จึงสั่งตัดชุดและทำบัตรปลอมขึ้นมา โดยยอมรับว่า เคยแอบอ้างทานอาหารฟรี แต่ไม่เคยเรียกรับเงิน ส่วนอาวุธปืนที่พบนั้นได้ซื้อมาจากคนรู้จัก
ด้าน พ.ต.อ.อรุณ กล่าวว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายหลายรายเข้าให้การกับทางตำรวจถึงพฤติกรรมของนายฉัตริน ว่า มักจะแอบอ้างว่าเป็นตำรวจกองปราบปราม จะเข้าไปทำทีทานอาหารฟรี และยังมีพฤติกรรมเรียกเก็บค่าคุ้มครอง ซึ่งหากผู้ประกอบการรายใดมีปัญหา หรือไม่ยอมทำตาม ก็จะข่มขู่สั่งให้ปิดร้าน ส่งผลให้ได้รับความเสียหาย โดยก่อนหน้านี้ มีพฤติกรรมลักษณะเดียวกันที่จังหวัดขอนแก่น มาก่อน แต่เมื่อถูกจับได้ จึงย้ายมาที่จังหวัดภูเก็ต ประมาณ 9 เดือน
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า เคยถูกดำเนินคดีในข้อหาแข่งรถในทางสาธารณะ เมื่อปี 2553 ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการ หรือประชาชนคนใดที่เคยถูกนายฉัตรินแอบอ้าง สามารถมาร้องทุกข์กับทางตำรวจกองปราบ หรือท้องที่เกิดเหตุได้
เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯและมีวิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งหลังจากนี้ ทางตำรวจ กก.2บก.ป. จะร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อแจ้งข้อหาแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานเพิ่มเติม ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป