MGR Online - สาวแฮกเกอร์ปลอมแปลงปริญญาบัตร และเอกสารราชการ ขายผ่านเฟซบุ๊ก-ไลน์ รับสารภาพทำมานานกว่า 3 เดือน
วันนี้ (19 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผกก.กก.สส.บก.น.2 แถลงผลการจับกุม น.ส.ธัญชนก บุญตรง อายุ 30 ปี และ น.ส.เสาวลักษณ์ เวชกามา อายุ 22 ปี อดีตนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านสะพานใหม่ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1576/2559 ลงวันที่ 16 ส.ค. 2559 ข้อหาปลอมเอกสารของทางราชการ พร้อมด้วยของกลางบัตรประจำตัวประชาชนปลอม 22 ใบ บัตรประจำตัวคนต่างด้าวปลอม 64 ใบ คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง เครื่องพรินเตอร์ 2 เครื่อง แผ่นไลน์น้ำของกระทรวงมหาดไทย (โพลีแคม) 1 ม้วน, ตราประทับ 4 อัน, เครื่องรีดบัตร 1 เครื่อง และเครื่องตัดกระดาษ 1 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 20/41 ม.4 ต.ลาด สวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ต่อเนื่องบ้านเลขที่ 140/1 ม. 9 ต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 18 ส.ค. เวลาประมาณ 19.00 น.ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.เจริญกล่าวว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกก.บก.น.2 ได้สืบทราบว่ามีแก๊งแฮกเกอร์รับจ้างแฮกข้อมูลและปลอมแปลงเอกสารทางราชการทุกชนิด เช่น บัตรประชาชน บัตรประจำตัวต่างด้าว ใบขับขี่รถยนต์ ใบวุฒิบัตรปลอม และรับจ้างสอนการแฮกข้อมูลพร้อมปลอมแปลงเอกสารผ่านทางเฟซบุ๊กและไลน์ โดยแต่ละบัตรนั้นมีราคาแตกต่างกันไปอยู่ที่ความยากง่าย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดต่อทำการล่อซื้อวุฒิบัตรปริญญาตรีปลอมจำนวน 1 ใบ ในราคา 5,200 บาท ก่อนสืบสวนติดตามกระทั่งสามารถจับกุม น.ส.ธัญชนก และขยายผลจับกุม น.ส.เสาวลักษณ์ ได้ที่บริเวณบ้านเลขที่ 20/41 ม.4 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ต่อมาได้ตรวจค้นบ้านเลขที่ 140/1 ม.9 ต.บางยอ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ แต่นายเปรมจิรัฏร์ บุญทิพย์ภูวเดช นักแฮกเกอร์ ผู้ที่อยู่ในเครือข่ายไม่อยู่บ้านดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบเอกสารปลอมและเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการปลอมแปลงจึงได้ตรวจยึดไว้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.พระประแดง
สอบสวน น.ส.ธัญชนกรับสารภาพว่า ตนรับหน้าที่เปิดเฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า ‘รับทำวุฒิ’ รับงานจากผู้ที่มาสั่งทำผ่านเฟซบุ๊กนำมาส่งต่อให้ น.ส.เสาวลักษณ์ ที่เคยเรียนเกี่ยวกับโปรแกรมเมอร์แต่เรียนไม่จบ เป็นผู้ปลอมแปลงเอกสารต่างๆ ก่อนส่งกลับไปให้ลูกค้า ทำมานานกว่า 3 เดือน โดยคิดค่าทำบัตรต่างๆ เช่น ประชาชน 4,000 บาท ใบปริญญาบัตร 5,200 บาท อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนขยายผลถึงผู้ที่อยู่ในเครือข่ายมาดำเนินคดีต่อไป