MGR Online - อัยการมีมติสั่งฟ้อง “สรยุทธ” กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม กับพวก 3 ข้อหา ฐานปลอมเอกสารสิทธิ-ใช้เอกสารสิทธิปลอม-ทำลายเอกสาร พร้อมนำตัวฟ้องศาลอาญา
วันนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ห้องประชุม 100 ปี สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก ร.ท.สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด, นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงคดีบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ปลอมแปลงเอกสาร อสมท ภายหลังรับมอบสำนวนหลักฐาน จากพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เมื่อวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา กล่าวหา บจก.ไร่ส้ม, น.ส.สุกัญญา แซ่ลิ่ม, น.ส.อังคณา วัฒนมงคลศิลป์, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการเล่าข่าวชื่อดัง และ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม, น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่ บจก.ไร่ส้ม และนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือ นางชนาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาที่ 1-6 ฐานร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และร่วมกันทำให้เสียหาย และทำลายเอกสารของผู้อื่น มูลค่าทรัพย์จากเหตุที่ไม่ชำระค่าโฆษณาส่วนเกินกว่า 138 ล้านบาท โดยสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้อง บจก.ไร่ส้ม, นายสรยุทธ, น.ส.มณฑา และน.ส.พิชชาภา ผู้ต้องหาที่ 1, 4-6 ฐานร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันปลอมเอกสารฯ และเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง น.ส.สุกัญญา และน.ส.อังคณา ทั้งสองซึ่งเป็นพนักงาน บจก.ไร่ส้ม
ร.ท.สมนึกกล่าวว่า หลังจากรับสำนวนแล้ว คณะทำงานฯ พิจารณาพยานหลักฐานทั้งปวงในสำนวนสอบสวนและหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาแล้ว เห็นว่าประเด็นที่ผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมทั้งหมด รับฟังได้เฉพาะข้อหาร่วมกันฉ้อโกงที่ขอให้อัยการสั่งยุติการดำเนินคดี ส่วนประเด็นอื่นที่ร้องขอความเป็นธรรมไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานในสำนวนคดีได้ คดีมีหลักฐานพอฟ้อง เห็นควรสั่งฟ้อง บจก.ไร่ส้ม นายสรยุทธ, น.ส.มณฑา และน.ส.พิชชาภา ในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม และร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่นในการที่จะน่าเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 188, 264, 265 และ 268 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4 ขอริบใบคิวโฆษณาของกลาง และขอนับโทษต่อจากโทษจำคุก ตามคำพิพากษาของศาลอาญา หมายเลขแดงที่ อ.595-596/2559 ที่อัยการยื่นฟ้องตามความผิด พ.ร.บ.พนักงานองค์การของรัฐฯ ซึ่งศาลพิพากษาให้จำคุกนายสรยุทธ และน.ส.มณฑา คนละ 13 ปี 4 เดือน และจำคุก น.ส.พิชชาภา 20 ปี ปรับ บจก.ไร่ส้ม 8 หมื่นบาท และคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ.8134/2558 ของศาลแขวงพระนครเหนือ และเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 2-3 ในข้อหาดังกล่าว เนื่องจากคณะทำงานมีความเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
ร.ท.สมนึกกล่าวอีกว่า สำหรับความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง คณะทำงานพิจารณาแล้วเห็นควรยุติการดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด เพราะเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว และผู้เสียหายได้ยื่นฟ้องแล้ว ไม่ว่าจะฟ้องก่อนหรือหลังจากที่พนักงานอัยการได้รับสำนวนการสอบสวน ตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2547 ข้อ 55(9)
“คดีนี้คณะทำงานฯ ได้เสนอนายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เพื่อพิจารณา ซึ่งอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งฟ้อง บจก.ไร่ส้ม, นายสรยุทธ, น.ส.มณฑา และ น.ส.พิชชาภา และสั่งไม่ฟ้อง น.ส.สุกัญญา และ น.ส.อังคณา พร้อมทราบการสั่งยุติการดำเนินคดีตามที่คณะทำงานเสนอ” โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดกล่าว
ต่อมาเวลา 10.00 น. อัยการฝ่ายคดีอาญา 3 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องบริษัท ไร่ส้ม จำกัด โดยนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อายุ 50 ปี, นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการ บจก.ไร่ส้ม, น.ส.มณฑา ธีระเดช 43 ปี เจ้าหน้าที่ บจก.ไร่ส้ม และนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือนางชนาภา บุญโต อายุ 47 ปี อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหา เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม และร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91,188,264, 265 และ 268 พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526 มาตรา 4
จากกรณีเมื่อประมาณกลางเดือน ก.ค. 2549 จำเลยทั้งสี่ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและทำให้เสียหาย ทำลายซึ่งเอกสาร และจำเลยทั้งสี่ร่วมกันนำเอกสารใบคิวโฆษณารายการคุยคุ้ยข่าวระหว่างเดือน ม.ค. 2549 - พ.ค. 2549 จำนวน 139 แผ่น ซึ่งเป็นเอกสารสิทธิที่จำเลยร่วมกันทำปลอมขึ้นไปใช้ยื่นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ บมจ.อสมท จำกัด เพื่อเป็นหลักฐานในการโฆษณาและคิดค่าโฆษณาส่วนเกินในรายการคุยคุ้ยข่าว ทำให้พนักงานเจ้าหน้าที่ บมจ. อสมท หลงเชื่อว่าเอกสารใบคิวโฆษณานั้นเป็นเอกสารจริง ทำให้ บจก.ไร่ส้ม จำเลยที่ 1 ไม่ต้องเสียค่าโฆษณาหรือเสียค่าโฆษณาส่วนเกินน้อยกว่าความเป็นจริง การกระทำดังกล่าวทำให้ บมจ.อสมท ได้รับความเสียหาย ต่อมาวันที่ 29 ต.ค. 2550 เจ้าพนักงานได้ร่วมกันยึดเอกสาร ใบคิวโฆษณาปลอมจำนวน 139 แผ่นไว้เป็นของกลาง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย และขอให้นับโทษต่อจากคดีของศาลอาญา หมายเลขดำที่ อ.313 และ 343/2558 ที่อัยการยื่นฟ้องตามความผิด พ.ร.บ.พนักงานองค์การของรัฐฯ ซึ่งศาลพิพากษาแล้วเป็นคดีหมายเลขแดงที่ อ.595-596/2559 ให้จำคุกนายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา คนละ 13 ปี 4 เดือน และจำคุก น.ส.พิชชาภา 20 ปี ปรับ บจก.ไร่ส้ม 8 หมื่นบาท และคดีอาญาของศาลแขวงพระนครเหนือ หมายเลขดำที่ อ.8134/2558
โดยศาลประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีดำที่ อ.1748/2559 และนัดตรวจพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายวันที่ 29 ส.ค. เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ถูกนำตัวมาฟ้อง ทีมงานนายสรยุทธได้แจกเอกสารเกี่ยวกับคดีให้สื่อมวลชน สรุปว่า การกล่าวหาหรือฟ้องในความผิดร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ น่าจะขัดต่อประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) เพราะเป็นการดำเนินคดีซ้ำซ้อนกับคดีอาญาที่ศาลอาญามีคำพิพากษาไปแล้ว และในเรื่องดังกล่าว บมจ.อสมท ก็ได้ยื่นฟ้องคดีเองต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ไปเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2558 เป็นคดีหมายเลขดำที่ 8134/2558 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องว่าศาลจะรับฟ้องหรือไม่ ดังนั้น อัยการจึงไม่จำเป็นต้องฟ้องคดีเอง และเป็นที่น่าสงสัยว่าภาพถ่ายรายงานการสอบสวนคดีอาญา ประกอบด้วย ความเห็นพนักงานสอบสวน สรุปคำให้การของตน บจก.ไร่ส้ม และพยานในคดีถูกนำไปเผยแพร่โดยสื่อมวลชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังมีการแสดงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่ไม่ถูกต้อง ทำให้สาธารณชนเข้าใจว่าเป็นเรื่องใหม่ และชี้นำว่ามีการกระทำผิดอีก ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า สำหรับความผิดฐานเกี่ยวกับเอกสาร มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี
ภายหลังนายสรยุทธและจำเลยทั้งสี่ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด ขอปล่อยชั่วคราวระหว่างสู้คดี ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาประกันคนละ 3 แสนบาท พร้อมนัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 29 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น. และนายสรยุทธได้เดินทางกลับทันทีโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ