MGR Online - สำนักงานอธิบดีอัยการ แถลงคืบคดี “สรยุทธ - ไร่ส้ม - พนง.อสมท” อาจสั่งฟ้องในความผิดฐานฉ้อโกง - ปลอมแปลงเอกสาร ทันก่อนหมดอายุความ นัดสั่งคดี 2 มิ.ย. นี้ ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 25 พ.ค. ที่ห้องประชุม 100 ปี สำนักงานอัยการสูงสุด นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา, นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุมและ นายวิเชียร ถนอมพิชัย รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา หัวหน้าคณะทำงานคดีบริษัท ไร่ส้ม จำกัด ฉ้อโกง อสมท ร่วมกันแถลงข่าวถึงความคืบหน้าสั่งคดี ภายหลังรับมอบสำนวนหลักฐาน จากพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่สรุปความเห็น สมควรสั่งฟ้อง นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา อดีตพิธีกรรายการเล่าข่าวชื่อดัง และ กก.ผจก.บจก.ไร่ส้ม, บจก.ไร่ส้ม จำกัด, น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่ บจก.ไร่ส้ม และ นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือ นางชนาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาฐานร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอมทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย และทำลายเอกสารของผู้อื่น จากเหตุที่ไม่ชำระค่าโฆษณาส่วนเกินกว่า 138 ล้านบาท
โดย นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา กล่าวว่า หลังจากรับสำนวน ก็ได้ตั้งคณะทำงานพิจารณาสำนวน ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยจะพิจารณาสำนวนให้แล้วเสร็จก่อนที่คดีจะหมดอายุความในเดือน ก.ค. การสั่งคดี จะพิจารณาตามพยานหลักฐานที่ปรากฏอย่างชัดเจน ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ขณะที่ นายปรเมศวร์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา กล่าวว่า ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมขึ้นมาแล้วมีประเด็นใกล้เคียงกันเรื่องข้อกฎหมายว่า คดีมีการฟ้องซ้ำคดีที่ อสมท ยื่นฟ้องเอง และคดีที่ ป.ป.ช. สรุปสำนวนทุจริตให้อัยการฟ้องไปแล้ว ซึ่งการพิจารณาจะไม่ยาก ต้องดูว่าเป็นการกระทำผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ โดยจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายมากที่สุด ซึ่งจะนำคำพิพากษาที่ศาลอาญาตัดสินคดีทุจริตมาประกอบการพิจารณาด้วย โดยคดีนี้ มีการแจ้งความ ตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งคดีมีอัตราโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 10 ปี อายุความจะอยู่ที่ 10 ปี ดังนั้น อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา มีความเป็นห่วง เกรงว่า คดีจะหมดอายุความในดือน ก.ค. นี้เสียก่อน จึงกำชับคณะทำงานพิจารณาโดยเร็ว ดังนั้น จะพยายามพิจารณาให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ซึ่งอัยการนัดผู้ต้องหาทั้งหมด ฟังคำสั่งในวันที่ 2 มิ.ย. นี้ แต่หากพิจารณาสำนวนไม่เสร็จก็จะต้องเลื่อนการสั่งคดีออกไป แต่จะไม่ให้เกินเดือน ก.ค. อย่างแน่นอน เพื่อไม่ให้คดีล่าช้า
นายปรเมศวร์ กล่าวอีกว่า ประเด็นการพิจารณาเรื่องฟ้องซ้ำหรือไม่นั้น ต้องดูเอกสารและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวพันกัน ซึ่งหลังจากที่มีการแจ้งความ ป.ป.ช. พิจารณาในส่วนคดีการทุจริต สำหรับความผิดอาญาฐาน ฉ้อโกงและปลอมแปลงเอกสารไม่ได้อยู่ในอำนาจ พนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง จึงทำสำนวนดำเนินคดีส่งมาให้พนักงานอัยการ สำหรับพฤติการณ์ข้อกล่าวหา การปลอมเอกสารนั้น เท่าที่ตรวจสำนวนในเบื้องต้น พบว่า มีการใช้น้ำยาลบคำผิด ลบข้อความในเอกสารกว่า 100 ฉบับ มีปัญหาต้องพิจารณาด้วยว่าการกระทำนั้นเป็นการกระทำผิดต่อเอกสารภายในวันเดียวหรือไม่ สุดท้ายแล้ว ถ้าสำนวนคดีฉ้อโกงเป็นเรื่องเดียวกับที่ อสมท ยื่นฟ้องคดีเองต่อศาลแขวงแล้ว อัยการต้องให้ความเป็นธรรมสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา ส่วนความผิดการปลอมเอกสารนั้นหากยังไม่ปรากฏเป็นความผิดที่เคยฟ้องมาก่อน อัยการก็สามารถสั่งคดีที่จะฟ้องหรือไม่ฟ้องต่อไปได้ เพราะลักษณะความผิดเป็นคนละเรื่องกับที่กล่าวหาในชั้น ป.ป.ช.