ผู้จัดการรายวัน 360 - “อัยการ” ฟ้อง “สรยุทธ-ไร่ส้ม” อีก3ข้อหาปลอม-ใช้-ทำลายเอกสารฯในคดีอาญาโกงค่าโฆษณา อสมท 138ล้าน ศาลให้ประกันคนละ 3 แสน นัดนัดตรวจหลักฐานสอบคำให้การ 29 ส.ค.“สรยุทธ” สั่งลูกน้องแจกเอกสารแจงสื่อ ชี้ดำเนินคดีซ้ำซ้อน จู่เอาเรื่องคนเผยคำให้การ ก่อนโพสต์ไอจียันความบริสุทธิ์ ถ้าผิดก็กรรมเดียว แต่ผิด กม.หลายบท
วานนี้ (2 มิ.ย.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เรือโท สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงคดี บริษัท ไร่ส้ม จำกัด (บจ.ไร่ส้ม) ฉ้อโกง บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) (บมจ.อสมท) ภายหลังรับมอบสำนวนหลักฐาน จากพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 59 กล่าวหา บจ.ไร่ส้ม น.ส. สุกัญญา แซ่ลิ่ม พนักงาน บจ.ไร่ส้ม น.ส. อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ พนักงาน บจ.ไร่ส้ม นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการ บจ.ไร่ส้ม น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่ บจ.ไร่ส้ม และนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือนางชนาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท ผู้ต้องหาที่ 1-6 ฐานร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และร่วมกันทำให้เสียหาย และทำลายเอกสารของผู้อื่น มูลค่าทรัพย์จากเหตุที่ไม่ชำระค่าโฆษณาส่วนเกินกว่า 138 ล้านบาท โดยสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้อง บจ.ไร่ส้ม นายสรยุทธ น.ส.มณฑา และ น.ส. พิชชาภา ฐานร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันปลอมเอกสารฯ และเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง น.ส.สุกัญญา และน.ส.อังคณา
** “อัยการ” สั่งฟ้อง “ไร่ส้ม” อีกคดี
เรือโทสมนึก เปิดเผยว่า หลังจากรับสำนวนแล้ว คณะทำงานฯพิจารณาพยานหลักฐานทั้งปวงในสำนวนสอบสวนและหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาแล้ว เห็นว่าประเด็นที่ผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ระบุว่า พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนในคดีนี้ เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเป็นคดีเดียวกับที่ ป.ป.ช.ชี้มูลส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดฟ้องต่อศาลอาญา จนศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุกแล้ว ส่วนข้อหาฉ้อโกงผู้เสียหายร้องทุกข์เมื่อคดีขาดอายุความแล้ว อีกทั้งผู้เสียหายได้ฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาลแขวงพระนครเหนือแล้ว พนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหานี้อีก ทั้งหมดรับฟังได้เฉพาะข้อหาร่วมกันฉ้อโกงที่สั่งให้ยุติการดำเนินคดี ส่วนประเด็นอื่นที่ร้องขอความเป็นธรรมไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานในสำนวนคดีได้ และเห็นควรสั่งฟ้อง บจ.ไร่ส้ม นายสรยุทธ น.ส.มณฑา และน.ส.พิชชาภา ในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม และร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่นในการที่จะน่าเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 118, 264, 265 และ 268 ตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 รวมทั้งขอริบใบคิวโฆษณาของกลาง และขอนับโทษต่อจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลอาญาที่ให้จำคุกนายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา คนละ 13 ปี 4 เดือน และจำคุก น.ส.พิชชาภา 20 ปี ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งได้เสนอ นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เพื่อพิจารณาแล้ว
“อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งฟ้อง บจ.ไร่ส้ม นายสรยุทธ น.ส.มณฑา และน.ส.พิชชาภา และสั่งไม่ฟ้อง น.ส.สุกัญญา และน.ส.อังคณา พร้อมทราบการสั่งยุติการดำเนินคดีตามที่คณะทำงานเสนอ” โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าว
** “เฮียสอ” ขู่เอาผิดคนแพร่รายงานสอบสวน
ต่อมาเวลา 10.00 น. นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการสำนักงาคดีอาญา ได้นำคำฟ้องพร้อมตัวผู้ต้องหา ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาเป็นจำเลย ในความผิดดังกล่าว และได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ราคาประกันคนละ 3 แสนบาท พร้อมนัดตรวจหลักฐานสอบคำให้การวันที่ 29 ส.ค. ซึ่งนายสรยุทธได้เดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ถูกนำตัวมาส่งฟ้อง ทีมงานนายสรยุทธ ได้แจกเอกสารเกี่ยวกับคดีให้สื่อมวลชน สรุปว่า การกล่าวหาหรือฟ้องในความผิดร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ น่าจะขัดต่อประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) เพราะเป็นการดำเนินคดีซ้ำซ้อนกับคดีอาญาที่ศาลอาญามีคำพิพากษาไปแล้ว และในเรื่องดังกล่าว บมจ.อสมท ก็ได้ยื่นฟ้องคดีเองต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ไปเมื่อวันที่ 28 ก.ค.58 เป็นคดีหมายเลขดำ 8134/2558 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องว่าศาลจะรับฟ้องหรือไม่ ดังนั้น อสส.จึงไม่จำเป็นต้องฟ้องคดีเอง และเป็นที่น่าสงสัยว่า ภาพถ่ายรายงานการสอบสวนคดีอาญา ประกอบด้วยความเห็นพนักงานสอบสวน สรุปคำให้การของนายสรยุทธ บจ.ไร่ส้ม และพยานในคดี ถูกนำไปเผยแพร่โดยสื่อมวลชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังมีการแสดงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่ไม่ถูกต้อง ทำให้สาธารณชนเข้าใจว่าเป็นเรื่องใหม่ และชี้นำว่ามีการกระทำผิดอีกสำหรับความผิดฐานเกี่ยวกับเอกสาร มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี
** ออกตัวผิดกรรมเดียว แต่ กม.หลายข้อ
จากนั้น นายสรยุทธ ได้โพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรม @sorrayuth9111 ระบุว่า ข้อกล่าวหาในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม ถือเป็นการดำเนินดำเนินคดีซ้ำซ้อน รวมทั้งภาพหลักฐานทางคดี ความเห็นของพนักงานสอบสวน สรุปคำให้การ และพยานในคดี ถูกนำออกไปเผยแพร่โดยสื่อมวลชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อนจะทิ้งท้ายว่า มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง และขอใช้สิทธิตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในศาลสูงต่อไป
“การกระทำตามข้อกล่าวหาดังกล่าว หากจะเป็นความผิดก็เป็นการกระทำความผิดเพียงกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ที่ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาเป็น คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.595-596/2559 โดยข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนล้วนปรากฏอยู่ในคำพิพากษาของศาลอาญาอย่างครบถ้วน” นายสรยุทธ ระบุ.
วานนี้ (2 มิ.ย.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) เรือโท สมนึก เสียงก้อง โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงคดี บริษัท ไร่ส้ม จำกัด (บจ.ไร่ส้ม) ฉ้อโกง บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) (บมจ.อสมท) ภายหลังรับมอบสำนวนหลักฐาน จากพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 59 กล่าวหา บจ.ไร่ส้ม น.ส. สุกัญญา แซ่ลิ่ม พนักงาน บจ.ไร่ส้ม น.ส. อังคณา วัฒนมงคลศิลป์ พนักงาน บจ.ไร่ส้ม นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมการผู้จัดการ บจ.ไร่ส้ม น.ส.มณฑา ธีระเดช เจ้าหน้าที่ บจ.ไร่ส้ม และนางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด หรือนางชนาภา บุญโต อดีตพนักงานจัดทำคิวโฆษณาของ บมจ.อสมท ผู้ต้องหาที่ 1-6 ฐานร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม และร่วมกันทำให้เสียหาย และทำลายเอกสารของผู้อื่น มูลค่าทรัพย์จากเหตุที่ไม่ชำระค่าโฆษณาส่วนเกินกว่า 138 ล้านบาท โดยสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้อง บจ.ไร่ส้ม นายสรยุทธ น.ส.มณฑา และ น.ส. พิชชาภา ฐานร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันปลอมเอกสารฯ และเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง น.ส.สุกัญญา และน.ส.อังคณา
** “อัยการ” สั่งฟ้อง “ไร่ส้ม” อีกคดี
เรือโทสมนึก เปิดเผยว่า หลังจากรับสำนวนแล้ว คณะทำงานฯพิจารณาพยานหลักฐานทั้งปวงในสำนวนสอบสวนและหนังสือร้องขอความเป็นธรรมของผู้ต้องหาแล้ว เห็นว่าประเด็นที่ผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ระบุว่า พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจสอบสวนในคดีนี้ เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเป็นคดีเดียวกับที่ ป.ป.ช.ชี้มูลส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดฟ้องต่อศาลอาญา จนศาลอาญามีคำพิพากษาจำคุกแล้ว ส่วนข้อหาฉ้อโกงผู้เสียหายร้องทุกข์เมื่อคดีขาดอายุความแล้ว อีกทั้งผู้เสียหายได้ฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดต่อศาลแขวงพระนครเหนือแล้ว พนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหานี้อีก ทั้งหมดรับฟังได้เฉพาะข้อหาร่วมกันฉ้อโกงที่สั่งให้ยุติการดำเนินคดี ส่วนประเด็นอื่นที่ร้องขอความเป็นธรรมไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานในสำนวนคดีได้ และเห็นควรสั่งฟ้อง บจ.ไร่ส้ม นายสรยุทธ น.ส.มณฑา และน.ส.พิชชาภา ในความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิ และใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม และร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารของผู้อื่นในการที่จะน่าเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 118, 264, 265 และ 268 ตาม พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 รวมทั้งขอริบใบคิวโฆษณาของกลาง และขอนับโทษต่อจากโทษจำคุกตามคำพิพากษาของศาลอาญาที่ให้จำคุกนายสรยุทธ และ น.ส.มณฑา คนละ 13 ปี 4 เดือน และจำคุก น.ส.พิชชาภา 20 ปี ไปก่อนหน้านี้ ซึ่งได้เสนอ นายณัฐจักร ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา เพื่อพิจารณาแล้ว
“อธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งฟ้อง บจ.ไร่ส้ม นายสรยุทธ น.ส.มณฑา และน.ส.พิชชาภา และสั่งไม่ฟ้อง น.ส.สุกัญญา และน.ส.อังคณา พร้อมทราบการสั่งยุติการดำเนินคดีตามที่คณะทำงานเสนอ” โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าว
** “เฮียสอ” ขู่เอาผิดคนแพร่รายงานสอบสวน
ต่อมาเวลา 10.00 น. นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการสำนักงาคดีอาญา ได้นำคำฟ้องพร้อมตัวผู้ต้องหา ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาเป็นจำเลย ในความผิดดังกล่าว และได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ราคาประกันคนละ 3 แสนบาท พร้อมนัดตรวจหลักฐานสอบคำให้การวันที่ 29 ส.ค. ซึ่งนายสรยุทธได้เดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ถูกนำตัวมาส่งฟ้อง ทีมงานนายสรยุทธ ได้แจกเอกสารเกี่ยวกับคดีให้สื่อมวลชน สรุปว่า การกล่าวหาหรือฟ้องในความผิดร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ น่าจะขัดต่อประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (4) เพราะเป็นการดำเนินคดีซ้ำซ้อนกับคดีอาญาที่ศาลอาญามีคำพิพากษาไปแล้ว และในเรื่องดังกล่าว บมจ.อสมท ก็ได้ยื่นฟ้องคดีเองต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ไปเมื่อวันที่ 28 ก.ค.58 เป็นคดีหมายเลขดำ 8134/2558 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนมูลฟ้องว่าศาลจะรับฟ้องหรือไม่ ดังนั้น อสส.จึงไม่จำเป็นต้องฟ้องคดีเอง และเป็นที่น่าสงสัยว่า ภาพถ่ายรายงานการสอบสวนคดีอาญา ประกอบด้วยความเห็นพนักงานสอบสวน สรุปคำให้การของนายสรยุทธ บจ.ไร่ส้ม และพยานในคดี ถูกนำไปเผยแพร่โดยสื่อมวลชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และยังมีการแสดงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมที่ไม่ถูกต้อง ทำให้สาธารณชนเข้าใจว่าเป็นเรื่องใหม่ และชี้นำว่ามีการกระทำผิดอีกสำหรับความผิดฐานเกี่ยวกับเอกสาร มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี
** ออกตัวผิดกรรมเดียว แต่ กม.หลายข้อ
จากนั้น นายสรยุทธ ได้โพสต์ข้อความลงในอินสตาแกรม @sorrayuth9111 ระบุว่า ข้อกล่าวหาในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้หรืออ้างเอกสารสิทธิปลอม ถือเป็นการดำเนินดำเนินคดีซ้ำซ้อน รวมทั้งภาพหลักฐานทางคดี ความเห็นของพนักงานสอบสวน สรุปคำให้การ และพยานในคดี ถูกนำออกไปเผยแพร่โดยสื่อมวลชนโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก่อนจะทิ้งท้ายว่า มั่นใจในความบริสุทธิ์ของตัวเอง และขอใช้สิทธิตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในศาลสูงต่อไป
“การกระทำตามข้อกล่าวหาดังกล่าว หากจะเป็นความผิดก็เป็นการกระทำความผิดเพียงกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ที่ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาเป็น คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.595-596/2559 โดยข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนล้วนปรากฏอยู่ในคำพิพากษาของศาลอาญาอย่างครบถ้วน” นายสรยุทธ ระบุ.