MGR Online - ปปง.มีมติสั่งอายัดสิทธิเรียกร้องเงินชดเชยค่าผิดสัญญาก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน ที่รัฐบาลยังค้างจ่ายให้กลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG อีก 2 งวด เป็นเงินกว่า 4,700 ล้านบาท และ 32 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเป็นเงินรวมประมาณ 5,800 ล้าน ระบุกลุ่มร่วมค้าได้สัญญาโดยมิชอบ ตามคำพิพากษาศาลอาญา
วันนี้ (11 พ.ค.) เวลา 09.30 น. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ ที่ปรึกษาประจำสำนักงาน ปปง. รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวเปิดเผยความคืบหน้าคดีทุจริตโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ว่าจากผลคดีอาญาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อม.2/2551 ลงวันที่ 9 ก.ค. 2551 ได้พิพากษาลงโทษนายวัฒนา อัศวเหม ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 ลงโทษจำคุก 10 ปี ฐานใช้อำนาจข่มขู่ หรือจูงใจ เจ้าพนักงานฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน จ.สมุทรปราการ สาขาบางพลี ให้ออกโฉนดที่ดินโดยมิชอบจำนวน 1,900 ไร่ทับที่คลองสาธารณะประโยชน์และที่ทิ้งขยะซึ่งเป็นที่หวงห้ามเพื่อนำไปขายให้กรมควบคุมมลพิษ
ต่อมาศาลอาญาได้มีคำพิพากษาในคดีอาญา หมายเลขแดงที่ อ.4197/2558 ลงวันที่ 17 ธ.ค. 2558 ซึ่งพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายปกิต กิระวานิช อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ จำเลยที่ 1 นายศิริธัญญ์ ไพโรจน์บริบูรณ์ รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ จำเลยที่ 2 และ นางยุวรี อินนา อดีตนักวิชาการสิ่งแวดล้อม 7 จำเลยที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ให้ลงโทษจำคุกคนละ 20 ปี ฐานร่วมกันใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต และปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐและประชาชน ทำให้รัฐจัดซื้อที่ดินที่ออกโดยมิชอบ ต้องจ่ายค่าที่ดินและค่าก่อสร้างโครงการไปกว่า 2 หมื่นล้านบาท แต่ไม่สามารถดำเนินโครงการเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้สำเร็จ และจากกรณีดังกล่าวมีกลุ่มบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ คือกลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG ที่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นถึงการวางแผนและการดำเนินการตามแผนเพื่อเอื้อประโยชน์หลายขั้นตอน
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวอีกว่า ต่อมารัฐบาลได้จ่ายเงินงวดแรกให้แก่กลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2558 จำนวน 2,380,936,174.53 บาท และ 16,288,391.55 เหรียญสหรัฐอเมริกา เนื่องจากคำพิพากษาศาลปกครองเขียนว่าสัญญาถูกต้อง ครม.จึงมีมติเห็นชอบให้จ่าย ต่อมาศาลอาญาตามคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ อ.4197/2558 ลงวันที่ 17 ธ.ค. 2558 ได้วินิจฉัยในข้อเท็จจริงว่า “กิจการร่วมค้า NVPSKG และกลุ่มเอกชนที่เป็นคู่สัญญากับกรมควบคุมมลพิษ ได้ร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริง ดำเนินการเสนอเข้าประกวดราคาในแต่ละขั้นตอนโดยทุจริต มีจำเลย 3 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ร่วมกับ ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบ ปฏิบัติหน้าที่โดยเลือกดำเนินการแต่ละขั้นตอนไปในทางที่ขัดต่อระเบียบทางราชการ มติคณะรัฐมนตรี และไม่ชอบด้วยกฎหมาย สนองรับดำเนินการให้อันเป็นการทุจริต และเอื้อประโยชน์เพื่อช่วยเหลือจนทุกๆขั้นตอนบรรลุผลสำเร็จ”
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวต่อว่า จากข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่าสัญญาดังกล่าวเกิดขึ้นจากการทุจริตของอธิบดีและเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษในขณะนั้น สมคบกับกิจการร่วมค้าในทุกขั้นตอนเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่กลุ่มเอกชนได้เข้ามาเป็นคู่สัญญา จึงเป็นสัญญาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยย่อมตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 ซึ่งมีผลในทางกฎหมายให้สัญญาดังกล่าวเสียเปล่ามาตั้งแต่ต้น กระทั่งตอนนี้ได้เพิกถอนโฉนดดังกล่าวไป เรียบร้อยแล้ว
“ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (สำนักงาน ป.ป.ช.) ได้มีหนังสือที่ ปช 0001.10/0004 ลงวันที่ 27 เม.ย. 2559 ส่งข้อมูลกรณีเจ้าหน้าที่รัฐทุจริตต่อหน้าที่มายังสำนักงาน ปปง. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้มีหนังสือที่ ตผ 0005/0421 ลงวันที่ 27 เม.ย. 2559 ขอให้สำนักงาน ปปง.ใช้อำนาจยึดหรืออายัดผู้ร่วมกระทำความผิดคดีคลองด่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินงวดที่สองจะถึงกำหนดจ่ายในวันที่ 21 พ.ค. 2559 นอกจากนี้จะมีคำสั่งส่งไปยังกรมควบคุมมลพิษไม่ต้องจ่ายเงินดังกล่าวให้กับกลุ่มการค้า NVPSKG ทั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องที่รัฐผิดสัญญาอย่างใดแต่กระบวนการได้มาเพื่อนำเงินมาจ่ายกลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG เป็นสัญญาโดยมิชอบ เพราะสัญญาที่ทำขึ้นเป็นสัญญาผิดกฏหมายตั้งแต่แรก ทำให้ ปปง. ต้องอายัดทรัพย์สิน" พ.ต.อ.สีหนาทกล่าว
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวเพิ่มเติมว่า ดังนั้น ในที่ประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 7/2559 เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2559 จึงได้มีมติให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด กรณีกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ในการทุจริตและแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายจากโครงการออกแบบร่วมก่อสร้างระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียเขตควบคุมมลพิษ จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นสิทธิเรียกร้องในหนี้ตามข้อตกลงที่กรมควบคุมมลพิษจะต้องจ่ายให้แก่ กลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG จำนวน 2 งวด โดยให้มีผลในวันที่ครบกำหนดชำระในแต่ละงวด ประกอบด้วย 1. สิทธิเรียกร้องในหนี้เงินงวดที่สอง เป็นเงินจำนวน 2,380,936,174.53 บาท และ 16,288,391.55 เหรียญสหรัฐอเมริกา ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. 2559 เป็นต้นไป และ 2. สิทธิเรียกร้องในหนี้เงินงวดที่ 3 เป็นเงินจำนวน 2,380,936,174.53 บาท และ 16,288,391.55 เหรียญสหรัฐอเมริกา ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. 2559 เป็นต้นไป รวมมูลค่าตามสิทธิเรียกร้องในหนี้ จำนวน 4,761,872,349.06 บาท และ 32,576,783.10 เหรียญสหรัฐอเมริกา
พ.ต.อ.สีหนาทกล่าวปิดท้ายว่า สำนักงาน ปปง.ดำเนินตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม กรณีนี้จึงมีเหตุอันควรน่าเชื่อว่า กลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG กับพวก ซึ่งเข้ายึดถือ ครอบครอง และแสวงประโยชน์จากที่ดินสาธารณประโยชน์ที่เป็นคลองสาธารณะที่ลุ่มน้ำทะเลท่วมถึง และเป็นที่ทิ้งขยะของทางราชการ ที่ออกโฉนดมาโดยมิชอบ เป็นผู้มีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการแสวงหาประโยชน์เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม โดยการใช้ ยึดถือ หรือครอบครองทรัพยากรธรรมชาติหรือกระบวนการแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันมีลักษณะในทางการค้า อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (15) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
นอกจากนี้ กลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG กับพวก ยังได้มีส่วนร่วมเป็นผู้สนับสนุน หรือเกี่ยวข้องสัมพันธ์ และได้รับประโยชน์ที่เป็นทรัพย์สิน จากการกระทำความผิดมูลฐานเกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ราชการของนายวัฒนา อัศวเหม กับพวก และนายปกิต กิระพานิช กับพวกซึ่งเป็นผู้กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ อันเป็นความผิดมูลฐาน ตามมาตรา 3 (5) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ฉะนั้น กลุ่มกิจการร่วมค้า NVPSKG ต้องมาชี้แจงต่อ ปปง.ภายใน 30 วันหลังได้รับหนังสือว่าเงินที่ได้มาสุจริตหรือไม่ สัญญาที่ทำกันไว้ถูกกฎหมายหรือไม่เพื่อหักคำพิพากษาของศาลอาญา ถ้าสามารถชี้แจงได้ก็เพิกถอนคำสั่งแต่หากชี้แจงไม่ได้เตรียมส่งเรื่องให้ศาลแพ่งดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ดี ส่วนเงินงวดแรกที่จ่ายไปก่อนหน้านี้ดำเนินการตรวจสอบตามขั้นตอน