MGR Online - สตช.เตือนกลุ่มเคลื่อนไหวค้านร่างรัฐธรรมนูญ ระวังผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ ยันมีผลบังคับใช้แล้ว หากก่อความวุ่นวายโทษจำคุก 10 ปี ฝากผู้ลงมติศึกษารายละเอียด ยันบังคับใช้กฎหมายเที่ยงตรงไม่ว่ากลุ่มไหนหากเข้าข่ายผิดจับหมด
วันนี้ (25 เม.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงมาตรการดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงก่อนลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ได้ขานรับนโยบายของรัฐบาลในการดูแลความสงบเรียบร้อยทุกช่วงเวลาอยู่แล้ว ส่วนกรณีการดูแลความสงบเรียบร้อยในช่วงก่อนลงประชามตินั้น เมื่อวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการผ่านพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้ว จึงขอให้ประชาชนได้ศึกษาข้อมูลกฎหมายดังกล่าวให้ครบทุกด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมาตรา 61 ที่ห้ามการกระทำใดๆ ที่ก่อความวุ่นวายเพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็นการดําเนินการเผยแพร่ข้อความ ภาพ เสียง ในสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือในช่องทางอื่นใดที่ผิดไปจากข้อเท็จจริงหรือมีลักษณะรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ โดยมุ่งหวังเพื่อให้ผู้มีสิทธิออกเสียงไม่ไปใช้สิทธิออกเสียง หรือออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือไม่ออกเสียง ที่อาจมีโทษจําคุกไม่เกิน 10 ปี หรืออาจถูกศาลอาจสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี อีกด้วย
“ฝากไปถึงผู้ที่ไปออกเสียงลงมติให้ศึกษารายละเอียดของ พ.ร.บ.นี้ให้ดี เพื่อระวังการกระทำบางอย่างที่อาจมีความผิด เช่น การฉีกบัตร หรือเข้าคูหาไปแล้วถ่ายภาพบัตร หรือการเล่นการพนันต่างๆ เป็นต้น เนื่องจากเจตนารมณ์ของกฎหมายนี้เป็นไปเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างเรียบร้อย หากท่านเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยก็สามารถไปใช้สิทธิออกเสียงได้ตามกฎหมาย พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเที่ยงตรงไม่ว่าเป็นกลุ่มการเมืองฝ่ายใดก็ตามที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายการกระทำผิด” รองโฆษก ตร.ระบุ
พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า จากการตรวจสอบทางการข่าวขณะนี้ยังไม่พบการเคลื่อนไหวที่เป็นนัยสำคัญ หรือมีแนวโน้มที่จะเกิดความรุนแรง ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้มีการประเมิณสถานการณ์เอาไว้อย่างรอบด้าน รวมไปถึงกรณีที่อาจเกิดการประทะกันของมวลชนซึ่งเป็นกรณีที่เลวร้ายที่สุดเพื่อรับมีทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ที่รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้คือ กกต. หลังจากนี้ทาง กกต.จะสรุประเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายต่อไป