แฉคลิปตำรวจทางหลวงไถเงิน 10 ล้อแบงก์พันก็มีตังค์ทอน ทำให้มองเห็นมาเฟียเรียกค่าคุ้มครอง-รีดไถตัวจริง “บิ๊กเกรียน”ทิ้งบอมส์ “เด็กเฮียฮ้อ -หัวไม่ส่ายหางไม่กระดิก” ส่วยสติ๊กเกอร์ไม่ยอมหมด - ปรับผี “ตีไก่”ไม่ยอมสิ้นเพราะต้องหาส่วยประเคนเจ้านายทั้งในและนอกราชการ
“ผู้ใดต้องการอำนาจที่ละลายไปโดยเร็วเสมือนหยาดน้ำค้างเมื่อต้องแสงแดดจะแสงจากปืน ผู้ใดต้องการอำนาจที่ประกอบด้วยพรแห่งธรรมและยั่งยืน จงแสวงหาจากประชาชน และในท่ามกลางประชาชนของท่าน”......สวัสดีครับพบกันอีกตามเคยในสัปดาห์สุริยะคราส เป็นห้วงแห่งความร้อนทั้งอากาศ และบรรยากาศเหตุบ้านการเมืองทั้งหลาย “บิ๊กเกรียน”ขอประเดิมด้วยเรื่องราวฉาวโฉ่เกี่ยวกับความเชื่อ หรือไม่ใช่ในเรื่องซื้อขายตำแหน่งภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งบานปลายมาจากกรณีพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตาประทีป คนสนิทป๋า“จุดพลุ”ส่องแสงสว่างให้กับสังคมไทยทั้งในเรื่องปฏิรูปตำรวจ รวมทั้ง “เขี่ยลูก”ให้เห็นความเน่าเหม็นของขบวนการซื้อขายเก้าอี้นายพล
00000.....หลายคนดาหน้าออกมา “ฟันธง”เชื่อว่ามีการเซ้งลี้เก้าอี้(ตำรวจ)กันจริงแต่หน้าที่ปฏิเสธก็คือเหล่า “บิ๊กตำรวจ” จริงหรือเท็จเรื่องนี้ไม่ว่ากัน “ความรู้สึก”เขาเล่าว่ามันอาจยึดถืออะไรไม่ได้ เอาเป็นว่าของพรรค์นี้ต้องว่ากันด้วยหลักฐาน สัปดาห์ที่แล้ว “บิ๊กเกรียน”ระบุว่ามีการทุ่มเงินซื้อตำแหน่งใหญ่ในกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 8 แต่เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงห์แก้ว กับพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง อดีต 2 ผบ.ตร. ส่วนการใช้เงินซื้อตำแหน่งในพื้นที่ทางภาคเหนือ ที่แปลกแหวกแนวแลกกับเงินหลายล้านบาทให้ซื้อ “นักเตะ”เข้าประจำทีมฟุตตบอลพีเมียร์ลีก...หลายคนถามไถ่กันมาก “บิ๊กเกรียน”ไม่บอกก็จะกลายเป็นเสียฟอร์ม แต่ถ้าเขียนกันไปโต้งๆเกรงว่าอาจจะ “ตกงาน”กลายเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นประมาทซะเปล่าๆปลี้ๆ กระนั้นเลยเอาเป็นว่าบอกใบ้ให้คิดเล่นๆว่า ทีมฟุตบอลที่ว่ามีสัญญาลักษณ์แมลง หวังว่าแฟนๆ “บิ๊กเกรียน”คงเข้าใจตรงกันนะเพราะแค่นี้คนให้ข้อมูลต้องหลบๆซ่อนๆย้ายที่นอนมาหลายรอบแล้ว
00000.....จาก “ข่าวเก่า”ที่นำมาขยายเพิ่มเติมมาถึงคิว “ข่าวใหม่”กรณีพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป คนสนิท “ป๋า”พร้อมคณะเดินทางเข้าพบตำรวจเมื่อสายวันก่อน ผู้ติดตาม-ให้กำลังใจล้วนคุ้นหน้าคุ้นตา “ทนายนกเขา”นิติธร ล้ำเหลือ อดีตแกนนำ คปท.งี้ นายอุดม เฟื่องฟุ้ง อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติและอดีตรองประธานศาลฎีกา งี้ แถมด้วยผู้ให้กำลังใจอีกครึ่งร้อย คนที่ถอนหายใจเฮือกๆคงไม่พ้น “บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในฐานะผู้นำองค์กรตำรวจ.....บรรยากาศฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาคึกราวกับมาถูกโด๊ป ผิดกับฝ่ายอำนาจรัฐที่หงอยๆไม่บ้าศักดิ์ศรีเหมือนหลายวันก่อน สรุปว่าตำรวจยัง “เงื้อค้าง”ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา และยังไม่มีการสอบสวนดำเนินคดีใดๆทั้งสิ้น
00000.....พิจารณาความได้เปรียบเสียเปรียบนักกฏหมาย “ฟันธง”ฝ่ายอำนาจกลับตกเป็นรองเมื่อเจอมวยหลักอย่าง “ทหารแก่”...ข้อเท็จจริงของเนื้อหาที่ปรากฏบนไลน์ระบุถึงการซื้อขายตำแหน่งสีกากีโดยมี บิ๊กคนหนึ่งรับผลประโยชน์นั้นเป็นข้อเท็จจริงที่สังคมทั่วไปรู้ๆกันอยู่ ถามว่าพล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป คือใคร มีตำแหน่งหน้าที่อะไร...ตอบว่าไม่เพียงเป็นอดีตนายทหารที่มีความสนิทแนบแน่นกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองค์มนตรี “พะจุณณ์”ยังได้รับการแต่งตั้งจาก คสช.ให้เป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ทำหน้าที่ประธานคณะอนุกรรมาธิการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจหน้าที่และกระบวนการทำงานตำรวจเพื่อประโยชน์ของประชาชน แต่เมื่อหมดหน้าที่ตรงนี้เขายังกลับมา ภาค 2 เป็นสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ...ทั้ง 2 หน้าที่ถ้าไม่ให้ “บิ๊กตุ้ม”พูดเรื่องตำรวจ ไม่ให้พูดเรื่องทุจริตแล้วจะให้เขาไปนั่งพยากรณ์อากาศหรือไง!!??
00000.....อีกทั้งแอพพลิเคชั่นไลน์อันเป็นพื้นที่ส่วนตัว (แล้วแต่ตีความ)และมิได้กล่าวหาใครอย่างเฉพาะเจาะจง เป็นเพียงปุจฉา -วิปัสสนา ให้เกิด “ปัญญา” การกระทำของตำรวจโดยการเร่งรีบออกหมายจับแล้วตีฆ้องร้องป่าวให้ทีมโฆษกฯออกมาแถลงหลายครั้งติดต่อกันราวกับว่ามีการทำผิดกฎหมาย มีการละเมิดแถมการออกหมายเรียกแบบรวดรัดเข้าลักษณะใช้อำนาจเกินเลย “พะจุณณ์”จึงต้องหันไปพึ่งผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ช่วยตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของ สตช.ทั้งในเรื่องการออกหมายเรียก การตั้งข้อหาต่างๆ และสิ่งที่น่าติดตามไปกว่านั้นก็คือวันเข้าพบพนักงานสอบสวน “บิ๊กตุ้ม”ปรากฏตัวต่อสาธารณะอย่างเปิดเผย แต่กลับไม่เข้าพบพนักงานสอบสวน คนเข้าไปสวดชยันโตว่า “หมาต๋า”ตั้งข้อกล่าวหาไม่ถูกต้องกลับเป็น “จู้ฮุกกรู” ทนายนกเขา....ตำรวจเลยไม่รู้จะแจ้งข้อหากับใคร-ไม่รู้ดำเนินคดีกับใคร เผลอๆอาจจะนั่งเกาหัวแกรกๆ...หนาวๆร้อนๆกันถ้วนหน้า
00000....พูดถึง “ผู้ตรวจการแผ่นดิน”.....ทำไม พล.ร.อ.พะจุณ์ ต้องเข้าใช้บริการหน่วยงานนี้.... คำตอบอยู่ที่ว่าผู้ตรวจการแผ่นดิน ยุคใหม่กลายเป็นยักษ์ติดกระบองไปเรียบร้อยมีทั้งบทบังคับ บทตรวจสอบ และบทลงโทษ ข้อพิพาทระหว่างอดีตนายทหารคนสนิท “ป๋า”กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรงกับอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดิน ข้อที่ 3 ระบุว่า “มีอำนาจในการรับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับคุณธรรมและจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และเจ้าหน้าที่ของรัฐ”...นี่ไง “บิ๊กเกรียน”จึงเป็นห่วงท่าน ผบ.ตร.เพราะเกมนี้ผลัดกันเล่น เผลอแป๊บเดียวจากจับด้ามมีดมาเป็นกำปลายมีดซะแล้ว หากพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ยังยึดถือศักดิ์ศรีของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และให้เป็นผู้เสียหายนั้น ยาม “เกมเปลี่ยน”คนที่ตกเป็นผู้ต้องหา 157 เสียเองอาจต้องกลับมาเป็นท่าน....การ์ดสูงๆไว้เด้อบักหำโต่ย !!??
00000.....สืบเนื่องจากขบวนการซื้อขายเก้าอี้ คลิป-ภาพตำรวจทางหลวงแห่งหนึ่งรีดไถคนขับรถส่งแบงก์พันมีตังค์ทอน ว่อนในโลกโซเชียลฯ “บิ๊กเกรียน”ถามดังให้เข้าหูท่านผู้มีอำนาจทั้งหลายในบ้านเมืองนี้ ขบวนการส่วยและแก๊งรีดไถบนถนนหลวงไม่ใช่ใครที่ไหนแต่ผู้มีอิทธิพลตัวจริงก็คือ “หมาต๋า”หรือบุคคลในเครื่องแบบ รีด-ไถกันทุกยุคไม่ว่าจะช่วงเป็นขี้ข้านักการเมือง หรือผู้ใต้บังคับบัญชาทหาร แม้แต่รัฐบาลประกาศปาวๆให้ปราบข้าราชการทุจริต แถมด้วยกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ระบุอย่างชัดเจนในข้อ 15 ข้อสุดท้ายว่าเป็นผุ้เรียกค่าคุ้มครองในที่สาธารณะ หรือเส้นทางหลวง หรือเก็บส่วย.....ขอโทษ พวกนี้ไม่ใช่ไอ้แกละ ไอ้โก๊ะจิ๊กโก๋กระจอกๆริมถนนนะครัช แต่เป็นคุณพี่ “ตำหนวด”ใส่อาร์มทางหลวงดังที่คลิปออกมาประจานบ่อยๆนั่นแหละ “ส่วยทางหลวง”ไม่เคยขาด และไม่มีวันหมดเพราะอะไร...คำตอบก็คือยังคงมีการวิ่งเต้น (ไม่ต้องซื้อขายก็ได้)รับใช้ สอพลอผู้บังคับบัญชากับคุณนายหลังบ้าน......ภาคประชาชนจะนำปฏิรูป สตช.ปฏิเสธ....ครั้นผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองติงด้วยความห่วงใยว่าอาจจะมีการซื้อขายตำแหน่ง คุณก็ปิดปากด้วยการดำเนินคดี
00000.....”บิ๊กเกรียน”ถือคติ “ไม่มีทรายแมวไม่อึ -ไม่มีฝอยหมาไม่ขี้” ฉะนั้นผู้มีอิทธิพลตัวจริงเสียงจริง พวกที่ใช้ถนนหลวงรีดนาทาเร้นชาวบ้านก็คือตำรวจ ซึ่งบรรดานายสิบ นายดาบก็แค่ลูกกระจ๊อก ส่วนตัว “นายใหญ่”...โน่น...นั่งตากแอร์อยู่ในห้องทำงาน พวกนี้ล้วนนามสกุลใหญ่โต ล้วนใก้ลชิดผู้มีอำนาจ-วาสนา ถ้าไม่มี “ส่วย”ต้อง “ส่ง”ลูกน้องตัวแสบๆคงไม่กล้าพอที่จะไถๆๆๆ รถหลวง น้ำมันหลวง ฤทธิ์เดชจากการเป็นตำรวจสามารถใช้กฎหมาย ใช้อำนาจไปหาเงินได้ง่ายๆ “เรื่องแดง”ทีก็ช่วยกันที แหมก็ลูกน้องมันช่วยทำมาหากินให้นี่ “ฤษีไม่ชุบลิง”ได้ยังไง ทุกวันนี้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนสายหลักทั้งมิตรภาพ ถนนเอเชีย ถนนเพชรเกษม ถนนพระราม 2 และอีกหลายสายภายใต้การกำกับดูแลของตำรวจทางหลวง น้อยคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์ถูกตำรวจไถ
00000.....กราบงามๆท่านผู้มีอำนาจ...ไม่เชื่อ “บิ๊กเกรียน”ก็ขอให้อ่านคำสัมภาษณ์ของนายยู เจียรยืนยงพงศ์ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ระบุชัดเจนพวกเขาต้องการเข้าสู้ระบบทำตามกฏหหมาย ไม่ประสงค์จะบรรทุกเกินน้ำหนักอีกต่อไปแต่มีขบวนการบีบบังคับเช่นไม่อำนวยความสะดวกตามด่านชั่งทั่วประเทศ จึงต้องยอมจ่ายเงินค่าสติ๊กเกอร์เดือนละ 4-5 พันบาทเป็นใบเบิกทาง....ขบวนการใหญ่โตขนาดนี้มันต้องมี “ตัวใหญ่”รู้เห็นเป็นใจด้วย...ไหนล่ะไม่มีทุจริต ไม่มีคอรัปชัน งานนี้คงต้องเริ่มจาก “บิ๊กทางหลวง”...เก้าอี้นี้น้อย-ใหญ่ท่านได้แต่ใดมา ทำชอบสิ่งใดวานบอก เราส่งเงินให้เจ้านาย “เฮียฮ้อ”ท่านจึงให้รางวัล.... พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ทำเข้มจะจัดการกับตำรวจที่เอี่ยวขบวนการค้ายาเสพติด-ค้าอาวุธ เอาง่ายๆแค่ปัญหา “หญ้าปากคอก”นี้ก่อนเถิด…พ่อคู๊ณณณณ !!??
00000.....ตบท้ายด้วยคดี 5 แก๊งโจรจีนบุกปล้นร้านขายปืนย่านถนนอุณากรรณ์ เบื้องหลังความสำเร็จหากไม่ได้ 5 พลเมืองดี “ผล”คงไม่เป็นอย่างที่เห็น 1.ร.ต.อ.ธวัชชัย ผิวผ่อง รองสว.จร.สน.ลับพลาไชย เขต 2 2.ด.ต.จรินทร์ สุบรรพวงศ์ ผบ.หมู่ ป.สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 3.นายนิธิศ อิ่มรส อาชีพ จยย.รับจ้าง 4.นายขวัญชัย ทิพย์ชัย อาชีพ จยย.รับจ้างและ 5.นายธนพัทย์ โชคธนาวิสิทธิ์ อาชีพขับ จยย.รับจ้าง ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเฉพาะ 2 ตำรวจคือผู้เผชิญเหตุและยิงต่อสู้กับคนร้าย ส่วน 3 จยย.รับจ้างอยู่ในเหตุการณ์ช่วยขับรถไล่ ขัดขวางกระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มาสมทบจับคนร้ายได้ทั้งหมด...ผู้อยู่เบื้องหลัง 5 ท่านนี้แล้วยังต้องไม่ลืมชมเชยฝ่ายสืบสวน และสรรพกำลังตำรวจทกฝ่ายที่ร่วมมือกันอย่างจริงจัง รวดเร็ว ทันใจรวมทั้งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่หลังเกิดเหตุเพียงไม่กี่นาทีก็เร่งตรวจสอบข้อมูลรวมทั้งส่งภาพสั่งทุกด่านตรวจสอบอย่างเข้มงวดจนสามรารถรวบตัว นายซูซู ผู้ต้องสงสัยในฐานะหัวหน้าแก๊งได้อีกคนหนึ่งแม้ในเบื้องต้นไม่มีพบพยานหลักฐานโยงไปถึงแต่พฤติการณ์เข้าข่ายเป็นภัยต่อสังคม ลักษณะเป็นบุคคลต้องห้ามจึงเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร 1 ปี ป่านนี้คงส่งตัวกลับเรียบร้อยแล้ว
00000.....พูดถึงพฤติการณ์อุกอาจ แม้จะยอมรับว่าแค่ต้องการเอาปืนไปขาย ถ้าตำรวจเชื่อ “บิ๊กเกรียน”จะหัวร่อให้ฟันหัก...มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น ในฐานะนักข่าวอาชญากรรมแก่ๆขอยกเหตุการณ์สุดสะพรึงมาให้สะดับ เมื่อปี 28 เกิดเหตุคนร้ายเข้าไปปล้นทองร้านแม่มะลิ ย่านบางนา ได้ทองคำรูปพรรณไป 137 บาทมูลค่าตอนนั้นกว่า 5 แสน จังหวะนั้นมีสายตรวจจราจร ผ่านมาพบจึงเกิดการยิงต่อสู้แต่โจรร้ายยังหลบหนีได้ ฝ่ายสืบสวนตำรวจพระนครบาลใต้นำโดย ร.ต.อ.สมคิด บุญถนอม กับพวกใช้เวลาคลี่คลายคดีนาน 17 วันสามารถจับตัวได้และสอบพบว่าเป็นแก๊ง 14 เค จากฮ่องกงรวม 3 คนชื่ออาเหล่า อาเฟด และอาโจ๋ว ต่อมาปี 29 มีการนำผู้ต้องหาส่งฟ้องศาลอาญาสนามหลวง หัวหน้าแก๊ง 14 เค ชื่อไจ๋ไจ๋ วางแผนบุกเข้าชิงตัวผู้ต้องหาระหว่างทางมีการปาระเบิด มีการยิงต่อสู้จนเจ้าหน้าที่บาดเจ็บคนร้ายหลบหนีไปได้กลายเป็นข่าวครึกโครม “เขย่าขวัญ”คนไทยทั้งประเทศ แต่ไม่นานชุดสืบสวนเหนือ และสืบสวนใต้ เข้าปิดล้อมบ้านพักการบินไทยและวิสามัญฆาตกรรมคนร้ายทั้งหมดรวม 5 ศพ.....”บิ๊กเกรียน”นำเรื่องเก่ามาเล่าเตือนสติ...อย่าคิดว่าจับได้แล้วจะจบ ต้องมีมาตรการป้องกันที่เข้มแข็ง มีการข่าวที่แม่นยำเพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้.....