MGR Online - “ศรีวราห์” ยันไม่มีการทรมาน “อาเดม คาราดัก - มีไรลี ยูซุฟู” 2 จำเลยคดีระเบิดแยกราชประสงค์ มั่นใจหลักฐานมัดแน่น สั่งกองคดีตรวจสอบคำพูดทนายเสื้อแดง ลั่นดำเนินคดีแน่ หากพบเข้าข่ายดูหมิ่นเจ้าพนักงาน - ทำประเทศเสียหาย
วันนี้ (17 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร กทม. เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ต่อเนื่อง วันที่ 18 ส.ค. 2558 กล่าวถึงกรณี นายชูชาติ กันภัย ทนายความของจำเลยในคดีนี้ ออกมาให้สัมภาษณ์ ระบุจำเลยได้ให้การต่อศาลทหารกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา ซึ่งศาลนัดสอบคำให้การครั้งแรก โดยปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และระบุว่า ถูกทรมานให้รับสารภาพ ว่า คดีนี้ตำรวจจับกุม นายบิลาล เติร์ก มูฮัมหมัด หรือ อาเดม คาราดัก และ นายมีไรลี ยูซูฟู สัญชาติจีน เชื้อชาติอุยกูร์ ต่อมาอัยการศาลทหารสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง ในฐานความผิดร่วมกันมีวัตถุระเบิด ใช้วัตถุระเบิดในการกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นและข้อหาอื่นรวม 10 ข้อหา โดยยืนยันว่า ในกระบวนการสืบสวนและสอบสวนในชั้นตำรวจ ไม่มีการซ้อม หรือทรมานทั้งกายและจิตใจ ในกระบวนการคุมตัว หรือสอบสวนผู้ต้องหาในชั้นตำรวจ ก็เปิดเผยต่อหน้าสื่อมวลชน มีช่วงเวลาในการคุมตัวน้อยมาก ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น และทุกครั้งที่มีการรับตัวจากฝ่ายทหาร หรือส่งตัวควบคุมในเรือนจำ ก็ได้ตรวจร่างกายของทั้งสองคนโดยแพทย์ของตำรวจ และแพทย์จากราชทัณฑ์ ผลการตรวจก็ไม่พบมีร่องรอยการทรมาน หรือถูกทำร้ายแต่อย่างใด ส่วนที่กล่าวหาว่ามีการนำสุนัขไปอยู่ใกล้ ๆ เพื่อทรมานใจผู้ต้องหาที่ไม่ชอบสุนัข เพราะขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม ก็ไม่เป็นความจริง ต้องถามสื่อมวลชนว่าตอนที่ตำรวจสอบสวนผู้ต้องหามีสุนัขอยู่สักตัวหรือไม่
“ผมขอตั้งข้อสังเกตว่า การที่ นายชูชาติ ซึ่งเคยเป็นทนายของกลุ่ม นปช. หรือ คนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 แล้วครั้งนี้มาเป็นทนายของจำเลยชาวต่างชาติ มีเหตุผลอะไร มีอะไรแอบแฝงหรือไม่ ให้สังคมคิดดูแล้วกัน จะเป็นเรื่องการเมือง หรือต้องการแสดงออกเพื่อดึงองค์กรใดเข้ามาหรือไม่ เรื่องนี้ไม่ขอออกความเห็น แต่ให้สังคมพิจารณา ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งมองว่าเป็นเทคนิคของทนายในการต่อสู้คดี หากทำเพราะเป็นกระบวนการต่อสู้คดี ทำตามอาชีพก็ไม่ว่ากัน แต่หากมีเจตนาอื่นที่ผลออกมากระทบต่อประเทศชาติ ทำแบบนี้แล้วกระทบความมั่นคงเกิดความเสียหาย เจ้าหน้าที่ก็ต้องพิจารณา” รอง ผบ.ตร. กล่าวและว่า ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนได้สั่งการให้กองคดีตรวจสอบคำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของนายชูชาติ ว่า กระทบความมั่นคง ทำลายชื่อเสียงประเทศหรือไม่ หรือทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย หรือ มีลักษณะดูหมิ่นเจ้าพนักงานหรือไม่ หากเข้าข่ายใดก็ต้องดำเนินคดีตามนั้น ทั้งกฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงและกฎหมายอาญา
พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า จากการฟังนายชูชาติให้สัมภาษณ์ล่าสุด น่าจะกระทบความมั่นคงแน่นอน หากสื่อออกไปแล้วทำลายความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว และนักลงทุน เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2558 นายชูชาติ เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนภายหลังเข้าเยี่ยมจำเลยที่เรือนจำ โดยพูดชัดเจนว่าไม่มีการบังคับ ซ้อม ทรมาน ใด ๆ กับจำเลยทั้งสอง บอกด้วยว่า นายมีไรลี สารภาพว่าก่อเหตุจริง โดยมี นายอับดุลเลาะห์ อับดุลเราะห์มาน รู้เห็นสั่งการเอาเสื้อยืดมาให้ ครั้งนั้น นายชูชาติ พูดชัดเจนมาก เหตุใดพูด 2 ครั้งไม่เหมือนกัน ที่ผ่านมา นายชูชาติ ไปเยี่ยมจำเลยหลายครั้ง แต่ทำไมไม่พูด มาพูดอีกอย่างในตอนนี้ ก็มองได้หลายอย่าง ให้สังคมพิจารณา
รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า คดีนี้ยืนยันว่าพนักงานสอบสวนทำดีที่สุดแล้ว รวบรวมพยานหลักฐานทั้งบุคคล วัตถุ เอกสาร จนส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องไปแล้วทุกข้อหา แม้จำเลยปฏิเสธก็ไม่ส่งผลกระทบต่อคดี เพราะมีพยานหลักฐานแน่นหนา ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าพนักงานสอบสวนทำอย่างเต็มที่ และขณะนี้ก็ผ่านขั้นตอนของพนักงานสอบสวนไปแล้ว ไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว แม้จำเลยอ้างว่าถูกทำร้ายก็ไม่จำเป็นต้องไปดำเนินการใด ๆ แม้ผู้ต้องหาจะพูดว่าถูกทำร้าย แต่เราก็มีผลตรวจของแพทย์ยืนยันว่าเขาไม่เคยถูกทำร้าย ตรงนี้สามารถหักล้างได้
พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าวว่า สำหรับผู้ต้องหาคดีนี้ ยังมีที่จับกุมไม่ได้ทั้งชาวไทยและต่างชาติรวม 15 ราย ทุกคนหนีไปต่างไปประเทศแล้ว กรณี นางวรรณา สวนสัน หรือ นางไมซาเราะห์ ก็ยังไม่ยืนยันว่า คุมตัวได้ หากคุมตัวได้จริงก็เป็นก็เป็นหน้าที่ของอัยการในการประสานขอให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ส่วน นายอ๊อด พยุงวงศ์ ก็หนีไปต่างประเทศแล้ว กระนั้นเจ้าหน้าที่ก็ยังพยายามสืบสวนติดตามมาดำเนินคดี รวมทั้งคุ้มครองพยานทุกรายด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้เปิดคลิปการให้สัมภาษณ์ของนายชูชาติ เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2558 ให้สื่อมวลชนดูด้วย
