MGR Online - ผู้ว่าฯสระแก้ว พร้อมอธิบดีดีเอสไอ หารือการวางแผนปราบปรามระยะสั้น ภายในเวลา 2 เดือน พร้อม ตร.- ทหาร ลงพื้นที่ตลาดโรงเกลือตรวจสิ่งผิดกฎหมาย ย้ำ ไม่ยอมให้ซ้ำรอยเดิมเหตุ จนท. ถูกทำร้าย ก่อนหน้านี้ เคยเตือนแล้วหลายครั้งแต่ยังมีการฝ่าฝืน ขณะที่ “พ.ต.อ.ไพสิฐ” เผย การเข้ายึดของผิดกฎหมายนั้นทางทางสถานทูตฝรั่งเศสให้ทำการสืบ ด้านผู้บังคับการตำรวจภูธร เผย ออกหมายจับแล้ว 12 คน จับได้ 3 คน ทั้งหมดจะต้องถูกดำเนินคดีตาม กม. แน่นอน
สืบเนื่องจากกรณีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ บุกตรวจยึดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ภายในตลาดโรงเกลือ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ก่อนถูกชายฉกรรจ์ชาวกัมพูชาราว 300 คน รุมทำร้ายร่างกายจนมีเจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ได้รับบาดเจ็บหลายราย เมื่อวันที่ 3 ก.พ. ที่ผ่านมา
วันนี้ (9 ก.พ.) เวลา 13.30 น. ชั้น 4 ห้องประชุมบูรพา ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ร่วมเป็นประธานการประชุมเพื่อบูรณาการการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จังหวัดสระแก้ว ครั้งที่ 1/2559 โดยมี พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะดูแลสำนักคดีทรัพย์สินทางปัญญา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.คลองลึก สตม. เจ้าหน้าที่ทหารกองกำลังบูรพา และตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ อาทิ พาณิชย์จังหวัดสระแก้ว กรมศุลกากร กรมทรัพย์สินทางปัญญา สรรพสามิตพื้นที่สระแก้ว มีผู้ร่วมเข้าร่วมประชุมประมาณ 40 คน ใช้เวลาการประชุมราว 2 ชั่วโมง
นายภัครธรณ์ กล่าวว่า ทาง ดีเอสไอ มาร่วมประชุมกับ จ.สระแก้ว และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อป้องกันปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งได้ดำเนินการมาระยะหนึ่งแล้ว กระทั่งมีเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา จึงเกิดการประชุมขึ้น แต่ว่าความจริงแล้วได้มีการนัดหมายหารือเพื่อติดตามความคืบหน้าว่าการทำงานร่วมกันเป็นอย่างไรบ้าง
นายภัครธรณ์ กล่าวอีกว่า วันนี้เป็นการประชุมและวางแผนมาตรการป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายให้เป็นรูปธรรมในระยะเวลาสั้นเพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ประเทศ และไม่ให้เกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่อีกเด็ดขาด รวมทั้งตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อป้องกันและปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในตลาดโรงเกลือก่อนจะขยายผลไปทั่วประเทศ
นายภัครธรณ์ กล่าวต่อว่า การวางแผนปราบปรามระยะสั้นภายในเวลา 2 เดือน ตั้งแต่เดือน มี.ค. - เม.ย. จะเริ่มส่งเจ้าหน้าที่และตำรวจ - ทหาร ลงไปกดดันไม่ให้สิ่งผิดกฎหมายมีอยู่ในตลาดโรงเกลือ ใช้กฎหมายแก้ไขปัญาเหล่านี้อย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง ส่วนระยะยาวอาจปรับเปลี่ยน เนื่องจากว่าบริเวณตลาดโรงเกลือมีชาวกัมพูชาเข้ามารับจ้างและค้าขายประมาณหลักหมื่นคนต่อวัน ซึ่งต้องมาทำความเข้าใจว่าสินค้าประเภทไหนบ้างผิดกฎหมายเพื่อปรับเปลี่ยนมาขายสินค้าถูกกฎหมายแทน หากไม่ทำต้องดำเนินการตามกฎหมาย
“ระหว่างนี้จะมีการประชาสัมพันธ์แจ้งให้กับทุกส่วนทราบว่าจะมีเจ้าหน้าที่ลงมาทำงาน อะไรไม่ถูกต้องก็จะไม่ยอมแล้วคิดว่าเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ไม่น่าเกิดขึ้นอีก”
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังเดือน เม.ย. ตลาดโรงเกลือจะมีหน้าตาอย่างไร นายภัครธรณ์ กล่าวว่า ตลาดโรงเกลือมีสินค้าที่หลากหลายประเภทและจำหน่ายทั้งปลีก - ส่ง น่าจะสามารถขายได้อยู่แล้ว มีเพียงบางส่วนที่เป็นสินค้าผิดกฎหมายอาจต้องปรับมาขายของแท้ ซึ่งเราก็มีตัวแทนอยู่แล้ว นอกจากนี้ จะพยายามทำให้สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์กลายเป็นศูนย์ภายในระยะสั้นให้ได้
นายภัครธรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่จะเข้าไปทำความเข้าใจเรื่องสินค้าหลายอย่างผิดกฎหมายทำให้ประเทศเสียผลประโยชน์หลายด้านและถูกจับตามองจากหลายประเทศ โดยเรามีการแจ้งเตือนไปหลายครั้งอย่าจำหน่ายแต่ก็ยังมีการฝ่าฝืน
“ตลาดโรงเกลือหลังจากเกิดเหตุทำร้ายร่างกาเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ อาจจะเงียบเหงาบ้างเล็กน้อยในบางจุดแต่ภาพรวมยังมีผู้คนมาซื้อหาสินค้าในตลาดโรงเกลือเต็มอยู่เหมือนเดิม ดังนั้น จึงไม่มีปัญหาต้องปิดตลาดในอนาคตเพราะยังมีห้างสรรพสินค้าขายของถูกต้องวางจำหน่าย สุดท้ายจะมีการประเมินผลการทำงานระยะสั้นหลังเดือน เม.ย. ซึ่งปกติก็ประเมินทุก 3 เดือนอยู่แล้ว
พ.ต.อ.ไพสิฐ เปิดเผยว่า ทาง ดีเอสไอ นำปัญหาข้อขัดข้องมาประชุมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ซึ่งท่านรับเป็นประธานในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งเดิมที่ผ่านมา ดีเอสไอ รับหน้าที่หลักในการแก้ไขแต่อยู่ส่วนกลางทำให้การประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ไม่สะดวกเท่าที่ควร ฉะนั้น ท่านผู้วjาราชการจังหวัดสระแก้ว รับเป็นประธานจะทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า การตรวจยึดสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ภายในตลาดโรงเกลือนั้น ทางสถานทูตฝรั่งเศสมีหลักฐานให้ ดีเอสไอ ก็ทำการสืบสวนพร้อมลงไปปฎิฏิติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม คดีที่เกิดขึ้น ดีเอสไอ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1. การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ดีเอสไอ จะทำต่อไปทั้งผู้ค้า ผู้ขายและเครือข่าย 2. การทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่และการทำให้เสียทรัพย์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่รับไปดำเนินการ
ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้ที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่นั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับกุมตัวไปทั้งสิ้น 12 คนแล้ว แยกเป็นจับกุมตัวมาได้แล้ว3คน และอีก 3 คน ออกหมายจับแล้ว ขณะที่อีก 6 คน อยู่ระหว่างดำเนินการออกหมายจับ โดยในกลุ่มดังกล่าวนี้ทราบสัญชาติเป็นชาวกัมพูชา 2 ราย นอกนั้นไม่ทราบสัญชาติ ซึ่งหลังจากนี้จะได้ทยอยออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีกเป็นระยะๆต่อไป อย่างไรก็ตาม จะต้องใช้เวลาบ้าง เพราะเป็นการแกะภาพใบหน้าผู้ต้องหาจากกล้องวงจรปิด ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ,ต่อสู้ขัดขวางการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่, ทำลายทรัพย์สินราชการ