ผู้จัดการรายวัน360 - จังหวัดสระแก้ว - DSl ผนึกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมคณะประสานงานเพื่อบูรณาการป้องกันและปรามปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ในตลาดโรงเกลือ เผยเดินหน้าต่อ กำหนด 9 มาตรการเข้ม ห้ามขายสินค้าที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง ด้านความคืบหน้าคดีออกหมายจับ 12 คนแล้ว
วานนี้ (9 ก.พ.) ที่หอประชุมศาลากลางจังหวัดสระแก้ว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประธานคณะทำงาน ประชุมคณะทำงานประสานงานเพื่อบูรณาการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จังหวัดสระแก้ว “สระแก้วโมเดล” พร้อมด้วย ผู้เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินผลการดำเนินการที่ผ่านมา รวมถึงแนวทางการประสานงานในการป้องกันและปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่ตลาดโรงเกลือ
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้กำหนดแผนปฏิบัติการป้องกัน และปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจังหวัดสระแก้ว “สระแก้ว โมเดล” ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินการ 1 ปี (มี.ค.59 -ก.พ.60) โดยมีการกำหนดกรอบการดำเนินการดังนี้ คือ
1.รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขาย และประชาชนทราบถึงนโยบาย ไม่ให้มีการชื้อขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
2.จัดทำแผนที่ แผนผัง จุดจำหน่ายสินค้าละเมิดทั้งหมดในพื้นที่
3.จัดทำบัญชีรายชื่อนายทุน
4.จัดสัปดาห์รณรงค์การป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
5.เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจด่านบริเวณชายแดน
6.จัดชุดตรวจร่วมระหว่างจังหวัดสระแก้ว เพื่อกดดันผู้ขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
และ7.ประชุมทำความเข้าใจต่อเจ้าของพื้นที่หรือเจ้าของตลาด และผู้ค้ารายใหญ่เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติในการจำหน่ายสินค้า เป็นต้น
ด้านแหล่งข่าวจากพ่อค้าในตลาดโรงเกลือรายหนึ่ง เผยว่า หากทางการห้ามจำหน่ายสินค้าเลียนแบบแบรนด์เนม ตลาดคงจะต้องปิด เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าที่มาขายของเหล่านี้กว่า 90% เป็นชาวกัมพูชา หากขายไม่ได้คงต้องกลับเข้าไปขายฝนฝั่งปอยเปตแทน
ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้ที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่นั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับกุมตัวไปทั้งสิ้น 12 คนแล้ว แยกเป็นจับกุมตัวมาได้แล้ว3คน และอีก3คน ออกหมายจับแล้ว ขณะที่อีก 6 คน อยู่ระหว่างดำเนินการออกหมายจับ โดยในกลุ่มดังกล่าวนี้ทราบสัญชาติเป็นชาวกัมพูชา 2ราย นอกนั้นไม่ทราบสัญชาติ ซึ่งหลังจากนี้จะได้ทยอยออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีกเป็นระยะๆต่อไป ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ,ต่อสู้ขัดขวางการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ,ทำลายทรัพย์สินราชการ
วานนี้ (9 ก.พ.) ที่หอประชุมศาลากลางจังหวัดสระแก้ว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ประธานคณะทำงาน ประชุมคณะทำงานประสานงานเพื่อบูรณาการป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา จังหวัดสระแก้ว “สระแก้วโมเดล” พร้อมด้วย ผู้เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินผลการดำเนินการที่ผ่านมา รวมถึงแนวทางการประสานงานในการป้องกันและปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ที่ตลาดโรงเกลือ
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้กำหนดแผนปฏิบัติการป้องกัน และปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาจังหวัดสระแก้ว “สระแก้ว โมเดล” ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินการ 1 ปี (มี.ค.59 -ก.พ.60) โดยมีการกำหนดกรอบการดำเนินการดังนี้ คือ
1.รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ขาย และประชาชนทราบถึงนโยบาย ไม่ให้มีการชื้อขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
2.จัดทำแผนที่ แผนผัง จุดจำหน่ายสินค้าละเมิดทั้งหมดในพื้นที่
3.จัดทำบัญชีรายชื่อนายทุน
4.จัดสัปดาห์รณรงค์การป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
5.เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจด่านบริเวณชายแดน
6.จัดชุดตรวจร่วมระหว่างจังหวัดสระแก้ว เพื่อกดดันผู้ขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
และ7.ประชุมทำความเข้าใจต่อเจ้าของพื้นที่หรือเจ้าของตลาด และผู้ค้ารายใหญ่เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติในการจำหน่ายสินค้า เป็นต้น
ด้านแหล่งข่าวจากพ่อค้าในตลาดโรงเกลือรายหนึ่ง เผยว่า หากทางการห้ามจำหน่ายสินค้าเลียนแบบแบรนด์เนม ตลาดคงจะต้องปิด เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าที่มาขายของเหล่านี้กว่า 90% เป็นชาวกัมพูชา หากขายไม่ได้คงต้องกลับเข้าไปขายฝนฝั่งปอยเปตแทน
ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดสระแก้ว กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับผู้ที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่นั้น ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับกุมตัวไปทั้งสิ้น 12 คนแล้ว แยกเป็นจับกุมตัวมาได้แล้ว3คน และอีก3คน ออกหมายจับแล้ว ขณะที่อีก 6 คน อยู่ระหว่างดำเนินการออกหมายจับ โดยในกลุ่มดังกล่าวนี้ทราบสัญชาติเป็นชาวกัมพูชา 2ราย นอกนั้นไม่ทราบสัญชาติ ซึ่งหลังจากนี้จะได้ทยอยออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีกเป็นระยะๆต่อไป ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้งหมดจะถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ,ต่อสู้ขัดขวางการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ,ทำลายทรัพย์สินราชการ