MGR Online - ชาวบ้าน สงขลา-โคราช กว่า 30 ราย บุกร้องดีเอสไอให้รับคดี “โครงการออมทรัพย์ที่อยู่อาศัยวันละ 40 บาท” เป็นคดีพิเศษ หลังมีการทุจริตส่งผลให้สมาชิกเป็นหนี้เฉลี่ยคนละประมาณ 3-8 แสนบาท ด้าน “พ.ต.ต.วรณัน” ตัวแทนดีเอสไอเตรียมส่ง จนท.ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ยังไม่ชัดเจนและให้หน่วยงานที่มีอำนาจไปดำเนินการ
วันนี้ (28 ม.ค.) เวลา 10.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายประสิทธิ์ ป้อกระโทก ผู้ตรวจสอบกิจการ สหกรณ์เคหสถานเมืองโคราช จำกัด นายเอกชัย ไชยชีวสุข ผู้แทนผู้ชำระบัญชี สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนบ้านมั่นคง-จังโหลน จำกัด พร้อมด้วยตัวแทนชาวบ้านกว่า 30 คน จาก จ.นครราชสีมา และ จ.สงขลา เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ เพื่อขอความเป็นธรรมหลังได้รับความเดือดร้อนกรณีซื้อบ้านที่อยู่อาศัยกับ “โครงการออมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยวันละ 40 บาท”
นายประสิทธิ์เปิดเผยว่า วันนี้ทั้ง 2 สหกรณ์เดินทางมาเพื่อขอความช่วยเหลือหลัง นายประวิง รอดทะเล อดีตประธานกรรมการผู้บริหารทุจริตเงินรวม 2,000 ล้านบาท เรื่องเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว โดยทางชาวบ้านได้นำเอกสารเข้าร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ฯลฯ สำหรับดีเอสไอยังไม่เคยมา ทั้งนี้ยอมรับว่าทางศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 9 กรมสอบสวนคดีพิเศษ สงขลาได้ส่งเจ้าหน้าที่บางส่วนไปตรวจสอบบ้างแล้วพบว่าเอกสารยังไม่เพียงพอจึงทำให้ดีเอสไอไม่รับเป็นคดีพิเศษ โดยครั้งนี้มาเพื่อยื่นเอกสารเพิ่มเติม ส่วนตนอยู่ที่ จ.นครราชสีมา สมาชิกเก็บเงินฝากกับสหกรณ์เคหสถานเมืองโคราช จำกัด ยอดรวมประมาณ 784 ล้านบาท แต่กลับสร้างบ้านได้เพียง 800 หลังคาเรือน นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบจำนวนยอดเงินครึ่งนึงได้หายไปทำให้สมาชิกรับภาระหนี้ทั้งหมด
ด้านนายเอกชัยกล่าวว่า ส่วนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนบ้านมั่นคงไทย-จังโหลน จำกัด ในพื้นที่ จ.สงขลา นั้น สมาชิกได้ยื่นเรื่องกับทางศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษภาค 9 กรมสอบสวนคดีพิเศษ สงขลา ไปเรียบร้อยแล้วและตอนนี้ถือว่าได้รับความเดือดร้อนอย่างมากเพราะสหกรณ์ถูกสั่งปิดไม่สามารถดำเนินการได้ จึงขอความเมตตาให้ทางดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษทั้ง 2 สหกรณ์ด้วยเนื่องจากว่ามีการกระทำผิดลักษณะเดียวกัน ขณะนี้ทุกคนได้รับความเดือดร้อนเพราะทางสหกรณ์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ซึ่งปล่อยสินเชื่อให้สมาชิกทั้ง 2 สหกรณ์จะเรียกเก็บเงินบางส่วนแล้ว โดยสมาชิกเป็นหนี้เฉลี่ยคนละประมาณ 3-8 แสนบาทขึ้นอยู่กับลักษณะบ้านที่เลือกในโครงการดังกล่าว
พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า หลังจากดีเอสไอได้รับเรื่องร้องเรียนของสมาชิกทั้ง 2 สหกรณ์พบว่าคดีนี้มีการทุจริตและเชื่อมโยงกัน คณะอนุกรรมการเคยรับเรื่องไว้แล้ว 1 ครั้ง เมื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงปรากฏว่าระบบเส้นทางการเงินยังไม่สมบูรณ์โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ทั้งนี้ ดีเอสไอตระหนักถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านและให้หน่วยงานที่มีอำนาจโดยตรงไปดำเนินการต่อ ส่วนการตรวจสอบการกระทำผิดจะเริ่มตั้งแต่ในประเด็นการจัดตั้งโครงการออมทรัพย์ดังกล่าวเพื่อระดมทุนซื้อที่ดินทั้ง 2 แห่ง เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ในชั้นต้นจะดูความผิดเกี่ยวกับกฎหมายสหกรณ์ และคดีอาญาข้อหาฉ้อโกงประชาชนต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง
