MGR Online - สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ผสานกำลังหลายหน่วยงานตรวจสอบร้านจำหน่ายประทัดบริเวณภูเขาทองก่อนวันลอยกระทง ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ พบส่วนใหญ่ทำผิดกฎหมายไม่ติดฉลากข้อแนะนำและคำเตือน มีโทษทั้งจำทั้งปรับ พร้อมประชุมวางแผนเพิ่มบทลงโทษให้หนักขึ้น
วันนี้ (23 พ.ย.) เวลา 14.00 น. นายอำพล วงศ์ศิริ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานคร กรมการอุตสาหกรรมทหาร กรมการปกครอง กรมศุลกากร กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) สน.สำราญราษฎร์ และสำนักงานเขตพระนคร ร่วมตรวจสอบผู้ประกอบการธุรกิจจำหน่ายพลุ ประทัด และดอกไม้เพลิง ช่วงก่อนเทศกาลวันลอยกระทง ณ บริเวณถนนมหาไชย แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กทม. โดยคณะเจ้าหน้าที่ได้เดินสุ่มตรวจสอบร้านจำหน่ายประทัดภายในชุมชนป้อมมหากาฬ 2-3 ร้าน เช่น ร้านคุณงาม ร้านคุณอ้วน ฯลฯ พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการติดฉลากอย่างถูกวิธี ซึ่งได้รับความร่วมมือจากทางเจ้าของร้านอย่างเป็นกันเอง
นายอำพลกล่าวว่า สคบ.ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐลงพื้นที่ตรวจสอบร้านจำหน่ายประทัดก่อนช่วงเทศกาลวันลอยกระทง เพราะปัญหาส่วนใหญ่จากการเล่นประทัดทำให้เกิดการบาดเจ็บและอุบัติเหตุตามมา โดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีสถิติค่อนข้างสูงเพื่อป้องกันการสูญเสีย
“สำหรับพื้นที่เป้าหมายแหล่งใหญ่ คือ บริเวณภูเขาทอง พบว่ายังทำผิดกฎหมายไม่มีการติดฉลากกำกับเอาไว้ ซึ่งข้อแนะนำเกี่ยวกับการใช้และคำเตือนที่ต้องระบุรายละเอียดไว้บนฉลาก 5 ประการ ดังนี้ 1. ผู้เล่นดอกไม้เพลิงที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี ต้องอยู่ในการดูแลของผู้ใหญ่ 2. ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก 3. ไม่ควรเก็บรักษาไว้ในที่มีอุณหภูมิสูง 4. ไม่ควรจุดไฟใหม่หากจุดชนวนแล้วไม่ติด เพราะอาจเกิดระเบิดได้ และ 5. ควรเล่นในที่โล่งกว้าง ห่างไกลจากวัตถุไวไฟ”
นายอำพลกล่าวอีกว่า ส่วนคำเตือนต้องระบุว่า “อันตรายอาจถึงตายหรือพิการ หากเล่นไม่ถูกวิธีหรือคึกคะนอง” โดยใช้อักษรเส้นทึบ ขนาดใหญ่กว่าตัวอักษรอื่น ในกรอบสี่เหลี่ยม สีของกรอบและข้อความตัดกับสีพื้นของฉลาก นอกจากนี้ กรณีผู้จำหน่ายสินค้าไม่มีฉลากหรือมีฉลากแต่งแสดงไม่ถูกต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีผู้ผลิต ผู้สั่ง ผู้นำเข้า ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับเช่นเดียวกัน
นายอำพลกล่าวปิดท้ายว่า ปัจจุบันผู้จำหน่ายและผู้ผลิตไม่เกรงกลัวบทลงโทษเนื่องจากค่อนข้างเบาทำให้เจ้าหน้าที่ต้องบูรณาการร่วมกันกำหนดบทลงโทษใหม่ให้แรงขึ้นกว่าเดิมเพื่อป้องกันการฝ่าฝืนทำผิดกฎหมาย