ASTV ผู้จัดการ - ผู้ช่วย ผบ.ตร.ปัดควบคุมตัว “อ๊อด พยุงวงศ์” เชื่อยังอยู่ไทย เผยผู้ต้องสงสัย 8 คนมาเลเซียคุมตัวไม่เอี่ยวระเบิดราชประสงค์-สาทร ส่วนกรณี “โอ๊ค” มอบเงินนำจับ 7 ล้าน ขอตรวจสอบก่อน ยันไม่โยงการเมืองแต่ไม่ตัดทิ้ง
วันนี้ (2 ต.ค.)ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. รักษาราชการแทนที่ปรึกษา (สบ 10) กล่าวถึงกระแสข่าวการควบคุมตัวนายอ๊อด พยุงวงศ์ หรือนายยงยุทธ พบแก้ว ผู้ต้องหาคดีระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร ว่าตนได้ตรวจสอบกับกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว พบว่ายังไม่มีการควบคุมตัวนายอ๊อดแต่อย่างใด แต่เบื้องต้นได้เจอตัวมารดาของนายอ๊อดแล้ว ส่วนจะได้ข้อมูลอะไรจากมารดานายอ๊อดบ้างนั้นกำลังตรวจสอบอยู่ สำหรับนายอ๊อดไม่ได้อาศัยอยู่กับมารดานานแล้ว ส่วนที่ว่านายอ๊อดกับมารดาได้เจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อใดนั้นกำลังตรวจสอบ
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า นอกเหนือจากการตรวจสอบข้อมูลจากมารดานายอ๊อดแล้ว ได้มีการตรวจสอบไปยังโรงพยาบาลที่ทำการคลอดนายอ๊อดด้วย ขณะนี้กำลังรอผล ส่วนจะได้ข้อมูลอะไรที่ของนายอ๊อดที่เป็นประโยชน์นั้น ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงาน ทั้งนี้ในการทำงานตำรวจมีการแยกคณะทำงานออกเป็น 4 สาย ล่าสุดมีการตรวจสอบพบมารดานายอ๊อดแล้ว จากนี้ก็รอผลการตรวจสอบโรงพยาบาลที่ทำคลอดนายอ๊อดซึ่งมารดานายอ๊อดเป็นคนให้ข้อมูลแก่ตำรวจมา สำหรับมารดานายอ๊อดเป็นชาวอีสาน น่าจะเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี แต่ขณะนี้ได้อาศัยอยู่ในภาคกลาง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากสถานที่ที่ได้ตรวจสอบมารดานายอ๊อดและสถานที่ซึ่งกล่าวอ้างมาแล้วได้มีการตรวจสอบที่อื่นอีกหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า มีการตรวจสอบในแหล่งที่มีคนให้ข้อมูล หรือว่าฝ่ายสืบสวนได้ข้อมูลมาว่านายอ๊อดจะไปอยู่หรือไปคบหากับเพื่อนกลุ่มไหนอยู่ มีการไปตรวจสอบตามกลุ่ม ส่วนเบาะแสสุดท้ายของนายอ๊อดพบว่าอยู่ย่านมีนบุรี และหนองจอก ส่วนจะมีการวิเคราะห์ประวัตินายอ๊อดว่าจะมีศักยภาพในคดีใหญ่หรือไม่นั้น ยังไม่สรุปในส่วนนั้น อย่างที่เคยบอกไปแล้วว่า นายอ๊อดเป็นผู้ให้การสนับสนุน ช่วยเหลือในการจัดหาอุปกรณ์ ส่วนลักษณะเป็นขบวนการหรือนายอ๊อดจะเป็นขาใหญ่ในย่านมีนบุรี-หนองจอกหรือไม่นั้น ยังไม่ถึงขนาดนั้น ส่วนการตรวจสอบเส้นทางการเงินนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นเงินไม่เยอะ และได้รับข้อมูลเบื้องต้นว่าเป็นการโอนกันอยู่ในกลุ่มของเขา มีบางส่วนมาจากต่างประเทศบ้าง
“สำหรับนายอ๊อดไม่ได้เป็นผู้เกี่ยวข้องระดับบงการ นายอ๊อดก็เป็นคนหนึ่งที่อยู่ในขบวนการ ซึ่งเป็นคนไทยและมีหมายจับปรากฏออกมา ทั้งนี้เป็นลักษณะการไปสืบสวนและพบว่ามีคนไทยร่วมด้วย ตามที่เคยบอกไปแล้วว่ามีคนไทยให้การสนับสนุนด้วย ก็เป็นแค่กลุ่มคนที่ให้ความช่วยเหลือสนับสนุน แต่ก็ถือได้ว่าเข้าข่ายร่วมกันกระทำความผิด” พล.ต.ท.ประวุฒิระบุ
ส่วนความคืบหน้าของการติดตามตัวนายอาบูดูซาตาร์ อบูดูเราะห์มาน หรืออิซาน ผู้ต้องหาในคดีระเบิดนั้น ทางพนักงานสืบสวนคงต้องมีการทำหนังสือผ่านไปทางกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อให้ยืนยันการเดินทาง ตนนำลังตรวจสอบว่าได้มีการประสานไปหรือยัง เมื่อไหร่ เพื่อยืนยันว่ามีการเดินทางเข้าประเทศหรือไม่ ซึ่งต้องผ่านกระทรวงการต่างประเทศ คาดว่าจะได้ความคืบหน้าเร็วๆ นี้
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า สำหรับผู้ต้องสงสัยทั้ง 8 คนที่ประเทศมาเลเซียควบคุมตัวไว้ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นมีการสรุปแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดีระเบิดในประเทศไทย และน่าจะไม่เกี่ยวข้องทั้ง 8 คน ส่วนจะมีการส่งข้อมูลหลักฐานทางดีเอ็นเอของคดีนี้ไปให้ทางประเทศมาเลเซียตรวจสอบหรือไม่นั้น ตนยังไม่ยืนยันในส่วนนั้น แต่ว่ามีการตรวจสอบในทุกเรื่อง เพียงแต่ว่าดีเอ็นเอกับลายนิ้วมือจะต้องไปตรวจสอบก่อนว่าส่งไปหรือยัง
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการส่ง พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ (สบ 8) ไปประสานงานกับทางการมาเลเซีย พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า พล.ต.ท.สุชาติ ก็รายงานมาตลอด รายงานทั้ง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ยังไม่มีความเชื่อมโยงที่สรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกัน ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าผู้ต้องสงสัย 2 คนใน 8 คน มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในประเทศไทย ข้อมูลตรงนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ อาจเพียงแค่รู้เห็นในการเดินทางของกลุ่มคนผิดกฎหมายระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย แต่ว่ายังไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรง
เมื่อถามถึงกรณีนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะนำรางวัลนำจับจำนวน 7 ล้านบาท มามอบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการติดต่อประสานงานมาหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ได้ข่าวมาว่ามี ตนกำลังตรวจสอบดูว่ามีการนัดหมายกันเมื่อใด แต่ว่าตอนนี้ยกเลิกไปก่อน ส่วนก่อนหน้านี้ได้มีการประสานมาจริง แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ว่าง มีข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้น กำลังตรวจสอบอยู่ ตนก็ได้ทราบจากสื่อ ต้องขอตรวจสอบก่อนว่าจริงๆ แล้วเขานัดผ่านใคร ตอนนี้ยังไม่ทราบ ทั้งนี้ หากนำเงินมามอบให้จริงๆ จะยินดีรับหรือไม่นั้น ต้องดูวิธีการก่อนว่าจะนำไปใช้หรือนำไปเข้าอะไร ดูรายละเอียดส่วนนั้นด้วย
เมื่อถามว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นมีความชัดเจนในเรื่องที่เกี่ยวจ้องกับประเด็นการเมืองหรือไม่ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า เรายังไม่ได้มีการโยงกับการเมือง แค่เรายังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งเท่านั้น เป็นประเด็นทั้งหมดที่ตั้งไว้อยู่แล้ว ส่วนจะมีใครเข้ามาเกี่ยวข้องในลักษณะร่วมกระทำผิด และเป็นใคร ซึ่งอาจจะไปโยง ต้องค่อยมาดูว่าจะมีความชัดเจนเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ความผิดอาจจะทำส่วนตัว ทำเป็นกลุ่มหรือต้องการผลประโยชน์ส่วนตัวก็ได้ ต้องได้ตัวผู้ต้องหามา หรือได้ตัวพยานสำคัญมายืนยัน ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง เราไม่ได้สรุปว่าเขาเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เป็นแค่ภูมิหลังของเขาว่าเคยทำผิดอะไรมาบ้าง
“ส่วนเรื่องการประสานข้อมูลกับมาเลเซียเรายังมีการประสานกันและมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอยู่ เชื่อว่าหากเขามีอะไรคืบหน้าที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยต้องแจ้งเรามาอย่างแน่นอน และมั่นใจว่าทางรัฐบาลมาเลเซียจะให้ข้อมูลซึ่งเป็นความจริง เพราะมีการทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนาน ส่วนยังเชื่อหรือไม่นั้นว่ายังมีผู้กระทำความผิดยังหลบหนีอยู่ในประเทศมาเลเซียนั้น เป็นไปได้ว่ามี เราจึงไม่ทิ้งประเด็น ยังมีการตามต่อ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจากการขยายผลว่าเดินทางผ่านไปทางประเทศนั้น เราก็จะแจ้งไป ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหน มีการประสานงานกันอยู่ตลอด ซึ่งประเทศ 2-3 ประเทศที่เราทำงานร่วมกันอยู่ ก็มีการให้ข้อมูลกันอยู่ตลอด” พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับยังอยู่ในประเทศไทย แต่ก็มีข้อมูลยืนยันว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว 2-3 คน แต่ที่เหลือยังไม่สามารถยืนยันได้ เชื่อว่านายอ๊อดยังอยู่ในประเทศไทย แต่ยังไม่มั่นใจว่าอยู่ที่ไหน ทั้งนี้ มีการติดตามตัวอยู่ทั้งหมด มีชุดสืบสวนสอบสวนหลายชุดดูแลอยู่ ต้องรอความชัดเจนของบช.น.ซึ่งจะมีการประชุมใหญ่ในรายละเอียดเร็วๆ นี้ ส่วนจะมีการการถึงขั้นพิจารณาการออกหมายจับผู้ที่ร่วมขบวนการเพิ่มเติมจาก 17 คนที่มีอยู่หรือไม่ คงมีเพราะมีหลักฐานที่อาจจะได้เพิ่มเติมมาและหากเข้าข่ายความผิดก็จะต้องขออนุมัติหมายจับเพิ่ม แต่ตอนนี้ยังไม่ยืนยันว่ามีหรือไม่ หรือจะมีกี่คน ขอดูในรายละเอียดก่อน ส่วนการตั้งข้อหามีเส้นบางๆ กั้นอยู่ว่าทำไมถึงไม่ตั้งข้อหาก่อการร้าย เนื่องจากไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 135 ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่เรื่องของการตีความแต่เป็นเรื่องขององค์ประกอบทางกฎหมาย ทั้งนี้หากเทียบกับคดีระเบิดที่เกิดก่อนหน้านี้ ทั้งที่ย่านมีนบุรีและสมานเมตตาแมนชั่น ผู้ต้องหาโดนข้อหาก่อการร้ายแต่ในครั้งนี้ทำไมถึงไม่โดนนั้น ต้องไปตรวจสอบองค์ประกอบความชัดเจนที่ได้มีการตั้งเอาไว้ก่อน
เมื่อถามว่าตำรวจได้ประโยชน์อะไรจากคำรับสารภาพของนายอาเดม หรือบิลาล พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า จริงๆ เขาก็รับสารภาพก่อนที่ทนายจะเข้าไปคุย และไปชี้ที่เกิดเหตุแล้ว เรามีการคุยกันไปแล้ว เขาก็รับไปแล้ว ทั้งนี้การจะได้ตัวผู้ต้องหามานั้นต้องเข้าใจว่าผู้ต้องหาคนไทยยังต้องใช้เวลาติดตาม เพราะเขาได้มีการหนีหลบซ่อนตัว บางคนนานเป็นปี บางคดีใช้ถึง4-5 ปี ผู้ต้องหาที่ไม่ใช่คนไทย ก็ต้องมีความลำบากกว่า เพราะไม่มีข้อมูลทั้งนี้ เชื่อว่าจะได้ตัวมาเพิ่ม ส่วนจะได้มาเมื่อไหร่คงยังไม่สามารถตอบได้
ถามต่อถึงกรณีมีชายลักษณะคล้ายชาวแขกขาวต้องสงสัยสะพายเป้เดินเข้าไปที่ศาลทหารเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา มีการวิเคราะห์หรือไม่ว่าเข้ามาด้วยเหตุผลใด พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า กำลังดูข้อมูลและกำลังหาตัวอยู่ ยังไม่ชัดเจนว่าเขาเข้ามาทำอะไร ยังไม่พบพฤติกรรมหรือการกระทำผิดใดๆ ส่วนช่วงเวลาที่เกิดเหตุดูเหมือนจะสอดคล้องกับเหตุการณ์ระเบิดในประเทศไทยนั้น อย่าเพิ่งไปโยงถึงขนาดนั้น เดี๋ยวจะเป็นการตีตนไปก่อนไข้เกินไป ขอดูว่าเขาไปทำอะไรและเป็นใครก่อน ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเขาไปทำอะไร ไม่ได้เป็นการล้างคองูเห่า เพราะเขาไม่ได้เป็นคนร้าย ขอตรวจสอบก่อนว่าคืออะไร