ASTVผู้จัดการ - ผบ.ตร.เผยเหตุระเบิดแยกราชประสงค์-ท่าน้ำสาทร อาจมาจากกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์มหาศาลจากธุรกิจผิดกฎหมาย โดยว่าจ้างคนอื่นลงมือแทน แต่ตำรวจยังไม่ได้ให้น้ำหนักประเด็นใดเป็นพิเศษ เพราะอาจมีกลุ่มอื่นฉวยโอกาสสร้างสถานการณ์ ย้ำจัดการขั้นเด็ดขาดเจ้าหน้าที่ด่าน ตม.สระแก้ว หากพบรับผลประโยชน์ แต่เบื้องต้นพบปล่อยปละละเลยจนต่างชาติเข้าออกผิดฎหมาย เตรียมจัดระเบียบเข้มด่าน ตม.ทั่วประเทศ
วันนี้ (3 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร ว่าขณะนี้ชุดสืบสวนสอบสวนกำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวเชื่อว่าการก่อเหตุรุนแรงเช่นนี้เริ่มมาจากความขัดแย้งหรือการเสียผลประโยชน์มหาศาลของกลุ่มคนที่ทำธุรกิจผิดกฎหมาย เหมือนกับคดีอาชญากรรมทั่วไปที่มักเกิดขึ้นจากความขัดแย้งเช่นเดียวกัน โดยตัวเขาเองอาจไม่ใช่เป็นผู้ลงมือเอง แต่อาจไปจัดหาคนมาลงมือก่อเหตุก็เป็นไปได้ ทั้งนี้ ตนมองว่าเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นนี้เป็นผลมาจากการที่กลุ่มธุรกิจผิดกฎหมายต่างๆ ที่มีผลประโยชน์จำนวนมหาศาลอยู่แล้วถูกทำลายไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตำรวจยังไม่ได้ให้น้ำหนักประเด็นใดเป็นพิเศษเนื่องจากอาจมีกลุ่มอื่นที่ต้องการใช้สถานการณ์ความขัดแย้งนี้เพื่อลงมือก่อเหตุ โดยหวังให้เข้าใจไปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากความขัดแย้งประเด็นนี้ แต่จริงๆ แล้วอาจเป็นเพราะอีกเหตุผลหนึ่งก็เป็นไปได้ อาจจะมีอะไรมากกว่านั้น อย่างไรก็ดีต้องมีการสืบสวนสอบสวนขยายผลต่อไป
พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงกรณีที่มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว มาปฏิบัติราชการที่ ศปก.ตร.ว่า จากนี้ทางจเรตำรวจจะดำเนินการสอบสวนว่าตำรวจ ตม.ทั้ง 6 นาย บกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หากการสอบสวนพบว่ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจหรือได้รับผลประโยชน์ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย แต่ในเบื้องต้นพบการปล่อยปละละเลยจนกระทั่งมีการเข้าออกของชาวต่างชาติที่ผิดกฎหมายก็ต้องเรียกมาช่วยราชการดังกล่าว โดยเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับว่าหากพบเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการค้ามนุษย์หรือปล่อยปละละเลยไม่เอาใจใส่ จนกระทั่งได้รับผลประโยชน์ร่วมด้วย ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาด และตนจะได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองทั่วประเทศมาประชุมกำชับวางแนวทางการปฏิบัติหน้าที่กันใหม่ทั้งหมดในเร็วๆ นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากสุดท้ายแล้วการก่อเหตุครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายของชาวอุยกูร์จะต้องจัดระเบียบเช่นเดียวกับกรณีชาวโรฮิงญาหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า แน่นอน จะต้องมีการดำเนินการอย่างเต็มที่ในเรื่องนี้ หากพบว่ามีข้อมูลเกี่ยวข้องชัดเจนว่าชาวต่างชาติที่หลบหนีเข้าเมืองกลุ่มดังกล่าวเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ แต่ไม่ใช่เพียงผู้อพยพชาวอุยกูร์เท่านั้น แต่ที่ด่าน จ.สระแก้ว ยังมีทั้งชาวโรฮีนจาและแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการเช่นกัน และก็ไม่ได้เฉพาะเจาะจงลงไปที่ จ.สระแก้วเท่านั้น แต่จากนี้ด่านตรวจทุกจุดทุกด่านจะต้องกลับมาอยู่ในกรอบ ปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องแข็งขันและซื่อสัตย์สุจริต ถ้ายังดื้อดึงขัดขืนดื้อรั้นก็ต้องมีมาตรการในการดำเนินการ เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญอย่างมาก เพราะกระทบต่อการที่สหรัฐอเมริกาจัดอันดับให้ไทยอยู่ในอันดับเทียร์ 3 เรื่องปัญหาการค้ามนุษย์ และยังกระทบต่อการค้าขายกับต่างชาติอีกด้วย ทั้งนี้ ที่ผ่านมาตนได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องผิดกฎหมายเหล่านี้อยู่ตลอด และจากนี้ถ้าพบว่ามีข้อมูลยืนยันได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะตำรวจคนใดเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องก็จำเป็นต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดเช่นเดียวกับกรณีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้วต่อไป
เมื่อถามว่าเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์สามารถตั้งข้อหาก่อการร้ายกับผู้ก่อเหตุได้หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ข้อหาก่อการร้ายนั้นมีอยู่หลายองค์ประกอบ เรื่องนี้พนักงานสืบสวนสอบสวนกำลังปฏิบัติงานอยู่ และหากเข้าข่ายองค์ประกอบข้อหาดังกล่าวตามกฎหมายเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ต้องแจ้งข้อกล่าวหานี้ต่อผู้ต้องหากลุ่มนี้แน่นอน ตอนนี้ตำรวจยังไม่ได้แจ้งข้อหาหลักแก่คนกลุ่มนี้ มีแต่ผู้ต้องหาที่จับกุมได้ที่หนองจอกที่มีข้อหามีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง
ด้าน พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าทางคดี ว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าชายต่างชาติที่เจ้าหน้าที่จับกุมได้ที่ด่านชายแดน จ.สระแก้ว เป็นคนร้ายที่วางระเบิดบริเวณศาลพระพรหม และท่าน้ำสาทร ทั้งนี้ยืนยันได้เพียงว่าชายคนดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับวัตถุระเบิดที่ตรวจพบที่จุดเกิดเหตุทั้ง 2 จุด โดยขณะนี้อยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ทหารตามมาตรา 44 ขณะเดียวกันกำลังรอผลการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ และผลการตรวจวัตถุพยานต่างๆ ให้ครบถ้วน
เมื่อถามถึงการประสานขอตัว น.ส.วรรณา สวนสัน ผู้ต้องหาตามหมายจับ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า จากนี้ทางตำรวจจะขอความช่วยเหลือจากการบินไทยในการรับส่งกลับประเทศไทย แต่ขณะนี้ยังไม่ยืนยันว่าอยู่ประเทศใด เนื่องจากยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการที่แน่ชัด
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหารกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนซักถามผู้ต้องหาที่สามารจับกุมไว้ได้ ก่อนจะตัวมาส่งให้ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป นอกจากนี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานกับตำรวจสากลเพื่อติดตามตัวผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่ได้รับการแจ้งข้อมูลกลับมาแต่อย่างใด ทั้งนี้ขอยืนยันว่าผู้ต้องหาทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ขอให้ศาลออกหมายจับนั้นเป็นบุคคลถูกกลุ่มถูกตัวอย่างแน่นอน เพราะมีพยานหลักฐานยืนยันได้ทั้งหมด เพียงแต่ต้องรอว่าจะสามารถจับกุมตัวได้เมื่อใดเท่านั้น