ASTV ผู้จัดการ - ผบ.ตร.เรียกประชุมตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทุกด่านทั่วประเทศ กำชับปฏิบัติหน้าที่เข้มงวด ระบุที่่ผานมาปล่อยปละละเลยจนเกิดเหตุร้ายขึ้นในประเทศ เผยผลสอบสวนผู้ต้องหาคดีระเบิด ระบุชัดผ่านเข้าประเทศทางด่านพรมแดนประเทศเพื่อบ้าน ชี้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ก็เข้ามาก่อเหตุที่แยกราชประสงค์ไม่ได้
วันนี้ (7 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ระดับสารวัตรขึ้นไปทุกด่านตรวจค้นเข้าเมืองทั่วประเทศ จำนวน 259 นาย เพื่อมอบนโยบายและกำหนดแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา และพล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. ร่วมรับฟัง โดยใช้เวลากว่า 1 ชม.
พล.ต.อ.สมยศกล่าวภายหลังการประชุมว่า ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองทุกด่านทั่วประเทศเพื่อให้ข้อสั่งการในการปฏิบัติหน้าที่ให้สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มุ่งเน้นในเรื่องของความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเคลื่อนย้ายของชาวต่างชาติแบบผิดปกติ โดยที่ผ่านมาพบว่ามีการปล่อยปละละเลยในการปฏิบัติหน้าที่จนเป็นเหตุให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นในประเทศไทย เช่น เหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ ก็เป็นผลมาจากสิ่งเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ ตม.ที่เกี่ยวข้องกับการตรวจค้นและคัดกรองผู้เดินทางเข้าออกประเทศให้มีความเข้มงวดกวดขันมากยิ่งขึ้น จะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่ผ่านมาไม่ได้
“จากการขยายผลและสอบสวนผู้ต้องหาในคดีระเบิดล่าสุดนั้น ผู้ก่อเหตุให้การชัดเจนว่าพวกเขานั้นผ่านเข้าประเทศมาทางด่านชายแดนที่ติดกับประเทศไทยตั้งแต่ทางภาคเหนือจรดภาคใต้ จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เข้มงวดมากกว่าเดิม อีกทั้งยังได้เตือนสติเจ้าหน้าที่ ตม.ที่ปฏิบัติงานแบบออกนอกลู่นอกทางให้กลับมาทำให้ถูกต้อง เนื่องจากที่ทำกันมานั้นได้สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างรุนแรง เช่น เหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ และกรณีการหลบหนีเข้าเมืองมาของชาวโรฮีนจาก่อนหน้านี้ ซึ่งที่ผมได้พูดได้กำชับไปนั้นเจ้าหน้าที่อาจจะไม่เกรงกลัวและปฏิบัติตาม เพราะผมเหลือเวลาอยู่ในตำแหน่ง ผบ.ตร.อีกเพียง 3 สัปดาห์เท่านั้น แต่การประชุมครั้งนี้มี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร.ที่กำลังจะมารับตำแหน่ง ผบ.ตร.คนใหม่เข้าร่วมรับฟังในสิ่งที่ผมได้พูดได้สั่งการไปแล้ว และเชื่อว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์จะนำสิ่งที่ตนได้พูดเหล่านี้ไปสานต่อ เพราะคิดว่าสิ่งที่ได้สั่งการนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน” ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตนได้กำชับเรื่องเกี่ยวกับการรักษาความมั่นคง ไม่ปล่อยปละละเลยชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าออกประเทศแบบผิดกฎหมาย รวมถึงให้ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบและกฎหมาย ไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยเหมือนที่ผ่านมา เช่น กรณีโรฮีนจา ที่ลักลอบเข้ามาผ่านพรมแดนประเทศเพื่อนบ้านในภาคตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือ จนนำไปสู่การออกคำสั่งให้มาช่วยราชการ และเร็วๆ นี้จะมีการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการเคลื่อนย้ายชาวโรฮีนจาเหล่านี้ออกนอกพื้นที่อีกด้วย
พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงกรณีการเรียกเจ้าหน้าที่ ตม.จังหวัดสระแก้ว มาช่วยราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หลังชุดสืบสวนพบข้อมูลว่าปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง ฐานปล่อยปละละเลยจนผู้ต้องสงสัยก่อเหตุระเบิดเข้าประเทศไทยแบบผิดกฎหมายนั้นว่า ขณะนี้ทางจเรตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนโดยละเอียดว่าเจ้าหน้าที่ ตม.ได้เข้าไปมีผลประโยชน์ร่วมกับกลุ่มก่อเหตุหรือไม่ หากพบก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่เบื้องต้นตอนนี้คือมีความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่แน่นอน เพราะอย่างที่สื่อมวลชนเสนอข่าวว่า หากผู้ต้องหาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่คนกลุ่มนี้ ก็ไม่มีทางหลบหนีเข้ามาจนก่อเหตุรุนแรงดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ยังไม่มีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดชัดเจน
ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการคาดโทษเจ้าหน้าที่หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า คาดโทษไปเขาก็ไม่กลัว เพราะตนอยู่ในตำแหน่งแค่ 3 อาทิตย์ ดังนั้นสื่อมวลชนต้องนำเรื่องเหล่านี้ไปกระจายและเสนอต่อประชาชนต่อไป เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของ ตม.ดีขึ้น นอกจากนั้นเรื่องเหล่านี้ประเทศไทยถูกจับตามองจากสหรัฐอเมริกาและยุโรปถึงความจริงจังในการแก้ไขปัญหา ซึ่งทางรัฐบาลไม่มีทางยอมปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ถามว่าตอนนี้กำชับพื้นที่ใดเป็นพิเศษหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ต้องกำชับทุกพื้นที่ ทุกด่านทั่วประเทศ ต้องทำให้ครบทุกมิติ จะกำชับพื้นที่ใดเฉพาะเจาะจงไม่ได้ ต้องให้ความสำคัญทุกพื้นที่ ถามต่อว่าการสั่ง ตม.สระแก้ว มาช่วยราชการแสดงว่าผู้ต้องหาเข้ามาทางด่าน จ.สระแก้ว พล.ต.อ.สมยศตอบว่า ทุกคนก็รู้ดีกันอยู่แล้ว
พล.ต.อ.สมยศกล่าวถึงความคืบหน้าคดีระเบิดแยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร ว่าขณะนี้เจ้าหน้าที่มีข้อมูลเกี่ยวกับขบวนการเหล่านี้ครอบคลุมทั้งหมดแล้ว ขอยืนยันว่าเราทำดีที่สุดแล้ว โดยการรวบรวมพยานหลักฐานกระทั่งสามารถออกหมายจับได้นั้นสิ่งเหล่านี้คือความชัดเจน ส่วนผู้ต้องหาบางรายที่มีข้อมูลพยานหลักฐานอยู่แล้ว แต่ไม่สามารถออกหมายจับได้ก็ต้องตรวจสอบและหาหลักฐานมายืนยันต่อไป เพื่อความชัดเจนและรอบคอบซึ่งต้องใช้หลักฐานหลายส่วนมาประกอบกัน ชุดคลี่คลายคดีไม่สามารถเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาได้ ต้องมีหลักฐานอื่นมายืนยันคำพูดเหล่านั้น ทั้งนี้ เชื่อว่าจากหลักฐานที่มีอยู่จะสามารถเอาผิดผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวอยู่ได้
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า สำหรับมูลเหตุในการก่อเหตุ ขณะนี้ก็ยังไม่สามารถตัดประเด็นใดทิ้งได้ จนกว่าทุกอย่างจะมีความชัดเจน มีหลักฐานหลายส่วนประกอบกันจนพิสูจน์ได้ ส่วนคำให้การของผู้ต้องหานั้นพบว่าผู้ต้องหาให้การเฉพาะส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบหรือมีหน้าที่ในขบวนการนี้ ตำรวจจึงต้องนำมาประกอบเข้าด้วยกันและหาหลักฐานมายืนยัน จึงถือว่าขบวนการก่อเหตุกลุ่มนี้มีประสบการณ์สูงและถูกฝึกมาอย่างดี