xs
xsm
sm
md
lg

“สมยศ” สั่งทุกหน่วยตรวจเข้ม-ส่ง ตร.นอกเครื่องแบบเกาะติดเป้าหมาย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)
ผบ.ตร.สั่งทุกหน่วยเพิ่มความเข้ม ตั้งด่านตรวจอาวุธ ย้ำตำรวจนอกเครื่องแบบ สืบหาข่าวความเคลื่อนใหวของบุคคลเป้าหมายทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่มีพฤติการณ์เป็นภัย ประสานทหารใกล้ชิด พร้อมสั่งตรวจเช็กกล้องให้อยู่ในสภาพใช้งาน

วันนี้ (18 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้มีหนังสือคำสั่งวิทยุในราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) ด่วนที่สุด ลงวันที่ 17 ส.ค. 2558 ถึง ผบช.น. ผบช.ภ.1-9,ศชต., ผบช.บชก., ผบช.บช.ส., ผบช.สตม., ผบช.ตชด., ผบช.สยศ.ตร. และผบก.ทท. โดยคำสั่งระบุว่า อ้างถึงเหตุระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคนทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ เพื่อให้การรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงให้ทุกหน่วยดังข้างต้นกำชับให้หน่วยในสังกัดเพิ่มความเข้มในการจัดตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจบุคคล ยานพาหนะเพื่อตรวจค้น อาวุธปืน วัตถุระเบิด และสิ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งสายตรวจประจำจุด สายตรวจเดินเท้า จัดรถยนต์ จักรยานยนต์ สายตรวจประจำจุดเปิดสัญญาณไฟวับวาบในพื้นที่สำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เช่น ท่าอากาศยาน สถานีรถตู้โดยสาร สถานที่สำคัญโบราณสถาน สถานท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิงที่เป็นศูนย์รวมนักท่องเที่ยว ตลอดจนโรงแรม เกสต์เฮาส์ บ้านพัก ห้องพัก บ้านเช่ารายวัน และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเข้มงวดและจริงจัง

“ให้จัดกำลังฝ่ายสืบสวนนอกเครื่องแบบลงพื้นที่สืบหาข่าวความเคลื่อนไหวบุคคล กลุ่มบุคคลเป้าหมายทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่มีพฤติการณ์เป็นภัยหรือกระทำการที่ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยว โดยให้ ผบก.น./ภ.จว. และ หน.สน./สภ. ประสานงานกับหน่วยงานที่สังกัดในพื้นที่รับผิดชอบอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันให้ประสานงานกับ อบจ. อบต. เทศบาล และหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยสถานที่เป้าหมายด้านการท่องเที่ยวเพื่อให้คำแนะนำวางระบบการแจ้งเหตุและขอความร่วมมือในการแจ้งข้อมูล บุคคลวัตถุต้องสงสัย รวมทั้งตรวจสอบความพร้อมกล้องวงจรปิดให้อยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา ทั้งนี้ ต้องวางระบบการแจ้งเหตุ เตรียมแผนเผชิญเหตุ และซักซ้อมการปฏิบัติให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากที่สุด” คำสั่งดังกล่าวระบุ

ขณะเดียวกัน ให้ประสานงานกับทหาร ฝ่ายปกครอง และทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยให้บูรณาการการปฏิบัติ หรือจัดกำลังในเครื่องแบบร่วมกันเป็นสายตรวจร่วม ในช่วงเวลาสถานที่ที่เหมาะสม เพื่อป้องกัน ป้องปราม ตัดโอกาสในการกระทำความผิด และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว และให้ สตม.เพิ่มความเข้มงวด กวดขันในการตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้าออกราชอาณาจักร บุคคลต้องห้าม (Black List) และบุคคลเฝ้าระวัง (Watch List) ในบัญชีเป้าหมาย บริเวณท่าอากาศยานทุกแห่ง รวมทั้งการตรวจยานพาหนะบริเวณด่านชายแดนอย่างจริงจัง

“นอกจากนี้ ให้รอง ผบช.และรอง ผบก.ลงไปรับชอบพื้นที่ บก.น./ภ.จว.และ สน./สภ. เพื่อให้คำแนะนำอำนวยการตรวจสอบติดตามความพร้อมและสุ่มตรวจสอบ ความพร้อมในการปฏิบัติ โดยเฉพาะการประสานแผนการปฏิบัติร่วมกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด โดยให้รอง ผบ.ตร.ที่ปรึกษา (สบ 10) และผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่รับผิดชอบงาน ปป. และ มค.กำกับดูแลการปฏิบัติของหน่วยในความรับผิดชอบให้เป็นไปตามสั่งการ ตร.โดยเคร่งครัดและให้ ศปก.ทุกหน่วย ทุกระดับ เป็นศูนย์ประสานงานกับ ตร.ผ่าน ศปก.ตร.และให้ ศปก.ตร. เป็นศูนย์ประสานงานกับศูนย์ติดตามสถานการณ์ คสช. และ ศปก. ทุกส่วนราชการ โดยให้วางระบบการติดต่อสื่อสารให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา จึงแจ้งมาเพื่อทราบและปฏิบัติโดยเคร่งครัด” ผบ.ตร.ระบุในคำสั่ง


กำลังโหลดความคิดเห็น