เชียงใหม่/เชียงราย - ผู้ว่าฯ สั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และทหาร คุมเข้มสถานที่ราชการ จุดเสี่ยง จุดสำคัญทั่วเมืองทันทีหลังเหตุบึ้มแยกราชประสงค์ เผยเชียงใหม่ปิดประตูทางเข้าออกศูนย์ราชการ ที่ว่าการอำเภอทั้งคืน สนธิกำลัง 3 ฝ่ายตรวจเข้มต่อเนื่อง ด้านเชียงราย คุมเข้มทั้งเมืองยันชายแดน
วันนี้ (18 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุระเบิดบริเวณศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ กรุงเทพฯ เมื่อเวลาประมาณ 19.00 น.คืนที่ผ่านมา ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงรายได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจเข้มสถานที่ราชการ และจุดสำคัญทั่วเมืองตลอดทั้งคืนต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ทันที เพื่อป้องกันการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่
โดยนายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และพลเรือน ทำการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ในสังกัดออกตรวจตราตามพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในเขต อ.เมือง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของจังหวัด เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยและป้องปรามอาชญากรรม รวมทั้งเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ประชาชน
เจ้าหน้าที่ทหารจังหวัดทหารบกเชียงราย ทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 2 (ฉก.ม.2) กองกำลังผาเมือง ตำรวจภูธร ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่ 327 แม่จัน และฝ่ายปกครอง กว่า 200 นาย กระจายกำลังกันตั้งด่านตรวจตามจุดสำคัญและจุดเสี่ยงทั่วจังหวัดเชียงราย
โดยเฉพาะบนถนนสายหลักและสายรองบริเวณชายแดนและในตัวเมือง รวมทั้งสถานที่สำคัญอย่างเช่นท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ศาลากลางจังหวัด โรงไฟฟ้า บ้านพักผู้ว่าราชการจังหวัด และข้าราชการฝ่ายตุลาการ สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับสิ่งสาธารณูปโภคอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการก่อเหตุร้ายจากกลุ่มบุคคลที่ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์
นอกจากกำลังผสมจะวางกำลังตั้งด่านตรวจและตรวจค้นยานพาหนะต้องสงสัยที่ผ่านไปมาแล้ว กำลังส่วนหนึ่งยังได้ออกลาดตระเวนไปตามจุดเสี่ยงอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมงด้วย
ขณะที่พื้นที่ชายแดน ทาง พ.อ.ประพัฒน์ พบสุวรรณ ผบ.ฉก.ม.2 กองกำลังผาเมือง ได้จัดกำลังพลร่วมกับตำรวจและฝ่ายพลเรือนทำการลาดตระเวนตามจุดต่างๆ โดยใช้ทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ในการร่วมกันตรวจตรา นอกจากนี้ ตามจุดตรวจต่างๆ ยังมีการเฝ้าระวังและตรวจตรายานพาหนะต้องสงสัยต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมายังไม่พบความผิดปกติและเหตุการณ์ในพื้นที่มีความสงบ แต่นายพงษ์ศักดิ์ได้เน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเข้มงวดกวดขันในช่วงนี้อย่างต่อเนื่องต่อไปด้วย
สำหรับ จ.เชียงราย เคยเกิดเหตุมีผู้ออกมาแสดงทางสัญลักษณ์ต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยการพ่นสีตามจุดต่างๆ จำนวน 8 จุดบนถนนพหลโยธินสายแม่จัน-เชียงแสน พื้นที่ ต.จันจว้าใต้ อ.แม่จัน แต่ไม่มีการกระทำที่รุนแรงใดๆ ขณะที่กลุ่มการเมืองและมวลชนที่เคยมีการเคลื่อนไหวมาก่อนหน้านี้ยังไม่แสดงท่าทีที่จะออกมาเคลื่อนไหวใดๆ
ด้านนายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ได้ระบุว่า จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งดูแลด้านการรักษาความปลอดภัยเป็นปกติอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่อยู่ในภาวะสงคราม แต่ก็ได้สั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอเพิ่มความเข้มงวดดูแลสถานที่ตามกรมการปกครองมอบหมายให้ตรวจสอบและทบทวนการจัดวางระบบป้องกัน เช่น กล้อง cctv ไฟส่องสว่าง เวรยาม หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญๆ เครื่องอุปกรณ์ป้องกันภัย ระบบสื่อสาร การจอดรถยานพาหนะต่างๆ แล้ว
พร้อมกับมีคำสั่งให้ปิดประตูทางเข้า-ออกศาลากลาง เปิดไฟส่องสว่าง และเพิ่มกำลัง อส.ออกตรวจตราตลอดทั้งคืน ขณะที่ทุกอำเภอท้องที่ก็ได้จัดกำลัง อส. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจออกลาดตระเวนสถานที่สำคัญ และตั้งจุดตรวจป้องกันเหตุในทุกจุดทุกอำเภอตลอดคืน
ขณะที่ สภ.ช้างเผือก ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดจัดระเบียบสังคมรวม 30 นาย สนธิกำลังกับฝ่ายทหาร ปกครอง ออกตรวจตราสถานที่ราชการ สถานที่สำคัญ จุดเสี่ยง ตรวจค้นยานพาหนะ บุคคลต้องสงสัย และตรวจสอบสถานบริการ คล้ายสถานบริการตามคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558 ในเขตเมืองเชียงใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย, ศูนย์ประชุมนานาชาติฯ, ศาลจังหวัดเชียงใหม่, ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่, เทศบาลนครเชียงใหม่, ขนส่งช้างเผือก, กงสุลเกาหลีใต้ และพม่า, การไฟฟ้าแรงสูง ชม.2, ห้างสรรพสินค้าโลตัส, เมย่า, ปั๊มน้ำมัน เป็นต้น พร้อมกับจัดชุดสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวในพื้นที่อีกทางหนึ่ง