ตำรวจสอบเพิ่มเรื่องทรัพย์สิน “สมยศ” หาความเชื่อมโยงปมสังหาร แต่ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งเรื่องหนี้สินพนัน ซื้อขายที่ดิน วิ่งเต้นคดี รอง ผบ.ตร. เผย เรียกลูกเมียสอบหลายรอบ มีนัยหรือไม่ สังคมต้องคิดเอง แต่เรื่องคนใกล้ชิด เป็นประเด็นที่ตำรวจไม่เคยมองข้าม เตรียมเรียกบุตรบุญธรรมเจ้าพ่อคาเฟ่สอบเพิ่ม
วันนี้ (3 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบยิง นายสมยศ สุธางค์กูร อายุ 62 ปี อดีตเจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ ภายหลังได้มีออกหมายจับผู้ต้องสงสัยจากภาพสเกตช์ 2 ราย พร้อมเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำแล้วหลายราย ว่า มีแรงกดดันถามมาว่าจะสามารถจับคนร้ายได้เมื่อใด ยืนยันว่า ตำรวจยังไม่ด่วนสรุปในทุกประเด็น เราได้ทำการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบเพิ่มเติมในเรื่องของทรัพย์สินทั้งทรัพย์สินที่เสียไปแล้ว ทรัพย์สินที่มีผลต่อไป ทรัพย์สินส่วนตัวและประเด็นว่าใครจะเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์หากว่านายสมยศเสียชีวิตแล้ว ส่วนนี้เป็นประเด็นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ พยายามขยายผลหาความเชื่อมโยงประเด็นนี้ รวมทั้งการหาความเชื่อมโยงกับผู้ต้องสงสัยรายใหม่ด้วย พร้อมยืนยันว่ายังไม่มีการตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งผู้ที่เรียกมาสอบปากคำเป็นกลุ่มแรก รวมถึงให้น้ำหนักเรื่องใดเป็นพิเศษทั้งเรื่องของหนี้สินการพนัน การซื้อขายที่ดิน ตลอดจนเรื่องของการตกลงเคลียร์คดีความให้
พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้มีการเร่งรัดการสืบสวน เพื่อสรุปผล ทั้งหลักทางนิติวิทยาศาสตร์ หลักอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบ อาทิ สถานที่เกิดเหตุ สภาพแวดล้อมต่างๆ ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสอบสวนได้เรียกสอบปากคำ นางรัศมี สุธางค์กูร ภรรยา พร้อมบุตรสาวของนายสมยศ หลายครั้งเป็นการบ่งชี้หรือมีนัยอะไรหรือไม่นั้น การมีนัยสำคัญนั้นเป็นสิ่งที่สังคมต้องไปคิดเอาเอง เรายังไม่มีข้อสรุป แต่เรียกสอบเพื่อให้ข้อมูลรอบด้าน และไม่ได้มีการชี้นำไปที่กลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือใครคนใดคนหนึ่งในครอบครัว แต่ประเด็นบุคคลใกล้ชิดเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ตำรวจไม่เคยมองข้าม มีการตรวจสอบสัมพันธภาพของคนในครอบครัวแล้วพบความขัดแย้งหรือไม่ ต้องขอสงวนไว้ในสำนวนการสืบสวน ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เตรียมเรียกบุตรบุญธรรมของนายสมยศมาสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย ส่วนจะมีการออกหมายจับใครเพิ่มเติมหรือไม่ต้องติดตามต่อไป ซึ่งช่วงเย็นวันนี้จะมีการประชุมคณะทำงานเพื่อมีความเห็นร่วมกัน ทั้งนี้ บุคคลที่เรียกมาสอบสวนยังอยู่ในฐานะพยาน ให้ฝ่ายสืบสวนติดตามดูอยู่ และสามารถติดต่อได้ทุกคน