ปปง.ยึดทรัพย์แม่ของอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ข้อหาฟอกเงิน 300ล้านบาท
จากกรณีที่นางภคินี สุวรรณภักดี อดีตรองกรรมการผู้จัดการธนาคารมหานคร จำกัด (มหาชน) มารดานายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ถูกออกหมายจับเมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2540 ในคดียักยอกเงินธนาคารมหานครฯกว่า 4,100ล้านบาท และได้หลบหนีการจับกุม กระทั่งคดีขาดอายุความในวันที่30 ต.ค.2555นั้น
วันนี้( 10 เม.ย.) เมื่อเวลา14.00น. ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. แถลงผลการประชุมคณะกรรมการ ปปง. ครั้งที่ 2/2558 ซึ่งมีการประชุมเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ว่า ที่ประชุมได้มีมติให้ยึดทรัพย์นางภคินี สุวรรณภักดี กับพวก ซึ่งกระทำความผิดตามมูลฐาน พรบ.ฟอกเงิน มาตร 3 (4)
จำนวน 22 รายการ ซึ่งเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ประกอบด้วย ที่ดินแขวงลาดยาว เขตบางซื่อ กทม. จำนวน 14 แปลง ที่ดินแขวงลาดยาว เขตจัตุจักร กทม. จำนวน 2 แปลง ที่ดินแขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กทม. 3 แปลง และที่ดินอำเภอเมือง จ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 3 แปลง รวมมูลค่าประมาณ 300 ล้านบาท เนื่องจากคณะกรรมการเห็นว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิดตาม พรบ.ฟอกเงิน พ.ศ. 2542
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า เมื่อปี2547 ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับนางภคินี กับพวก ต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีพฤติการณ์แห่งคดีเข้าข่ายการกระทำความผิดตาม พรบ.ฟอกเงิน พ.ศ. 2542 จึงให้ ปปง. พิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับทรัพย์สิน
ต่อมา เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2555 ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหนังสือถึงเลขาธิการ ปปง. เพื่อให้ดำเนินการตามพรบ.ฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เนื่องจากจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ทางราชการมาก เลขาธิการ ปปง.จึง ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการพิจารณา เพื่อยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินตามคำสั่งที่ ย. 48/2547 และ ย. 51/2547 รวมทั้งสิ้น 27 รายการ มูลค่าประมาณ 139 ล้านบาท พร้อมดอกผล
โดย พนักงานอัยการพิจารณาแล้วเห็นว่า เรื่องดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์พอที่จะยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินทั้งหมดหรือบางส่วนตกเป็นของแผ่นดินได้ ในการนี้ พนักงานอัยการจึงแจ้งให้เลขาธิการ ปปง. ทราบตามกฎหมายฟอกเงิน โดยพนักงานอัยการได้แจ้งผลการพิจารณา ว่า ทรัพย์สินบางรายการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยร้องทุกข์กล่าวโทษนั้น พยานหลักฐานของผู้คัดค้านมีน้ำหนักให้รับฟังได้ ทรัพย์สินบางรายการจึงไม่ใช่ทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จึงยังไม่มีเหตุที่ยื่นคำร้องขอศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินในบางรายการ
เลขาธิการ ปปง.กล่าวอีกว่า ในการประชุมคณะกรรมการวินิจฉัย ครั้งที่ 1/2557 เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2557 พิจารณาแล้วเห็นว่า นางภคินี กับพวก มีพฤติการณ์การกระทำเข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐาน พรบ.ฟอกเงิน พ.ศ.2542 เชื่อได้ว่า ทรัพย์สินดังกล่าว เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และมีเหตุยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวมีคนมองว่าเป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับการเมือง เพราะเรื่องนี้ ปปง. ทำอย่างตรงไปตรงมา และคดีเกิดขึ้นมานานกว่า 10 ปี ซึ่ง ปปง. ทำตามหน้าที่ไม่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
เมื่อถามอีกว่าในส่วนของ คดีอาญาที่หมดอายุความไปแล้ว จะส่งผลในการยึดอายัดทรัพย์หรือไม่ พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวว่า ไม่ เพราะเป็นคนละส่วน ซึ่งมาตรการยึดอายัดทรัพย์นั้น สามารถดำเนินการได้ ตลอด หากพบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดตามกฎหมายฟอกเงิน อย่างไรก็ตาม หากประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสได้ ทาง ปปง. มีเงินรางวัลมอบให้ด้วย
พ.ต.อ.สีหนาท กล่าวอีกว่า ขั้นตอนหลังจากนี้ทาง ปปง. จะส่งเรื่องไปยังอัยการ เพื่อให้ยื่นคำร้องต่อศาลให้ทรัพย์จำนวน 22 รายการ ตกเป็นของแผ่นดินต่อไป โดยเรื่องนี้ผู้เสียหายไม่ต้องมาชี้แจง กับปปง.แล้ว เพราะผ่านกระบวนการดังกล่าวไปแล้ว ซึ่งเป็นมติของคณะกรรมการปปง. ไม่ใช่คณะกรรมการธุรกรรม