ASTVผู้จัดการรายวัน - คิวเฮ้าส์ฯ เผยแผนปี58ปูพรม30โครงการใหม่ทั้งในกทม-ปริมณฑล และต่างจังหวัดมูลค่ารวม33,014ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดขายรวม 24,100ล้านบาทเติบโตจากปีก่อนหน้า 25% และมีรายได้รับรู้ที่ 24,100ล้านบาทเติบโตจากปี57กว่า20% แจงแบคล็อกในมือ8,000ล้านบาททยอยรับรู่ปีนี้6,000ล้านบาท
นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH กล่าวถึงแผนธุรกิจปี 2558 กับคณะสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก หลังเข้ามารับตำแหน่งในบริษัทอสังหาฯในเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯว่า ในปีนี้ QH ยังคงเน้นพัฒนาสินค้า เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมในทุกกลุ่ม ซึ่งจะมีสินค้าในระดับราคาตั้งแต่ 3-100 ล้านบาท แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยในกลุ่มตลาดระดับบนในสัดส่วน 35% ตลาดระดับกลาง 25-30% และตลาดระดับล่าง 20-25% และแบ่งเป็นกลุ่มสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวในสัดส่วน 50% ทาวน์เฮาส์ 25% และคอนโดมิเนียม 25%
"ปีนี้เราเน้นขยายสินค้าให้ครอบลุมมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็จะเพิ่มน้ำหนักสินค้าในกลุ่มตลาดระดับบนมากขึ้นด้วย โดยในปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าในตลาดบนเพิ่มขึ้นเป็น38% จากมูลค่ารวมโครงการที่เปิดในปี58 จากเดิมที่ในปีก่อนหน้ามีสัดส่วนอยู่ที่14% ของมูลค่ารวมโครงการที่เปิดขาย ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวม 75โครงการมูลค่ารวม 50,000ล้านบาทเศษ"
สำหรับแผนการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ บริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 30โครงการ มูลค่ารวม 33,014 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 20 โครงการ มูลค่ารวม 15,479 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 10 โครงการมูลค่ารวม 17,535 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวม 24,100ล้านบาท เติบโตจาการก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 22,437 ล้านบาท 20% ซึ่งรายได้ดังกล่าวจะมาจากการทยอยรับรู้รายได้จากแบ็คล็อกในมือ 6,000 ล้านบาท จากแบ็คล็อกทั้งหมด8,000 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวจะมาจากที่อยู่อาศัยแนวราบ80% ส่วนที่เหลือ 20% มาจากโครงการแนวสูง ส่วนยอดขายในปีนี้ ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายจากโครงการอสังหาริมทรัพย์รวม 24,100 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดขายรวม 19,300 ล้านบาท 25%
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปี57ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายจากธุรกิจอสังหาฯ19,300ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 22,437ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้รวม 21,153ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 9% และมีกำไรสุทธิ 3,329ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการคิว สุขุมวิท ซูเปอร์ลักชัวรี่ คอนโดมิเนียม สูง 42 ชั้น จำนวน237 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการ 3 ไร่ 42 ตารางวา ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตร300,000บาท หรือราคาขายต่อยูนิตเริ่มต้น 26 ล้านบาท ทั้งนี้การเปิดโครงการดังกล่าวสอดคล้องกับการเพิ่มสัดส่วนโครงการในระดับบนที่จะมีมากขึ้นในปีนี้ สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในโครงการนี้เป็นกลุ่มผู้บริหารจากต่างชาติที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในเมือง และครอบครัวเจ้าของธุรกิจ
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไท) ที่ปรึกษาและบริหารการขายโครงการ คิวสุขุมวิท กล่าวว่า ดีมานด์ในตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ ในทำเลสุขุมวิท และเขตซีบีดี ยังมีอยู่จำนวนมาก สะท้อนจากยอดขายโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ที่มีการเปิดตัวตั้งแต่ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนยูนิตรวมกว่า 2,300 ยูนิต ซึ่งนับรวมโครงการที่เปิดใหม่3โครงการในช่วงต้นปี โดยในจำนวนนี้สามารถขายได้แล้ว 80%
"จากการเปิดให้ลูกค้าลงทะเบียนแสดงความสนใจซื้อในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีจำนวนลูกค้าลงทะเบียนแสดงความต้องการซื้อกว่า 3-4เท่าของจำนวนห้องชุดที่เปิดขาย สะท้อนดีมานด์ในตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ได้เป็นอย่างดีว่ายังมีอยู่อย่างต่อเนื่องและจำนวนมาก"
นายชัชชาติ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯในปี58 คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวจากปีก่อนหน้า7-10% โดยคอนโดมิเนียมยังคงเป็นกลุ่มสินค้าที่คลองส่วนแบ่งตลาดหลัก อย่างไรก็ตามปัจจัยที่น่าเป็นห่วง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดในปีนี้คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนซึ่งจะส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค นอกจากนี้ปัญหาเรื่องความชัดเจนของการประกาศใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และอัตราในการจัดเก็บภาษีของภาษี ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง รวมถึงความชัดเจนของนโยบายด้านเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลต่อการลงทุนด้วย
นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH กล่าวถึงแผนธุรกิจปี 2558 กับคณะสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก หลังเข้ามารับตำแหน่งในบริษัทอสังหาฯในเครือแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ฯว่า ในปีนี้ QH ยังคงเน้นพัฒนาสินค้า เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมในทุกกลุ่ม ซึ่งจะมีสินค้าในระดับราคาตั้งแต่ 3-100 ล้านบาท แบ่งเป็นที่อยู่อาศัยในกลุ่มตลาดระดับบนในสัดส่วน 35% ตลาดระดับกลาง 25-30% และตลาดระดับล่าง 20-25% และแบ่งเป็นกลุ่มสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวในสัดส่วน 50% ทาวน์เฮาส์ 25% และคอนโดมิเนียม 25%
"ปีนี้เราเน้นขยายสินค้าให้ครอบลุมมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็จะเพิ่มน้ำหนักสินค้าในกลุ่มตลาดระดับบนมากขึ้นด้วย โดยในปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนสินค้าในตลาดบนเพิ่มขึ้นเป็น38% จากมูลค่ารวมโครงการที่เปิดในปี58 จากเดิมที่ในปีก่อนหน้ามีสัดส่วนอยู่ที่14% ของมูลค่ารวมโครงการที่เปิดขาย ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการขายรวม 75โครงการมูลค่ารวม 50,000ล้านบาทเศษ"
สำหรับแผนการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้ บริษัทจะมีการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 30โครงการ มูลค่ารวม 33,014 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 20 โครงการ มูลค่ารวม 15,479 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 10 โครงการมูลค่ารวม 17,535 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีรายได้รวม 24,100ล้านบาท เติบโตจาการก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 22,437 ล้านบาท 20% ซึ่งรายได้ดังกล่าวจะมาจากการทยอยรับรู้รายได้จากแบ็คล็อกในมือ 6,000 ล้านบาท จากแบ็คล็อกทั้งหมด8,000 ล้านบาท โดยรายได้ดังกล่าวจะมาจากที่อยู่อาศัยแนวราบ80% ส่วนที่เหลือ 20% มาจากโครงการแนวสูง ส่วนยอดขายในปีนี้ ตั้งเป้าว่าจะมียอดขายจากโครงการอสังหาริมทรัพย์รวม 24,100 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาซึ่งมียอดขายรวม 19,300 ล้านบาท 25%
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในปี57ที่ผ่านมา บริษัทมียอดขายจากธุรกิจอสังหาฯ19,300ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 22,437ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้รวม 21,153ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 9% และมีกำไรสุทธิ 3,329ล้านบาท
ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการคิว สุขุมวิท ซูเปอร์ลักชัวรี่ คอนโดมิเนียม สูง 42 ชั้น จำนวน237 ยูนิต บนเนื้อที่โครงการ 3 ไร่ 42 ตารางวา ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตร300,000บาท หรือราคาขายต่อยูนิตเริ่มต้น 26 ล้านบาท ทั้งนี้การเปิดโครงการดังกล่าวสอดคล้องกับการเพิ่มสัดส่วนโครงการในระดับบนที่จะมีมากขึ้นในปีนี้ สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในโครงการนี้เป็นกลุ่มผู้บริหารจากต่างชาติที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยในเมือง และครอบครัวเจ้าของธุรกิจ
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีบี ริชาร์ด เอลลิส (ประเทศไท) ที่ปรึกษาและบริหารการขายโครงการ คิวสุขุมวิท กล่าวว่า ดีมานด์ในตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ ในทำเลสุขุมวิท และเขตซีบีดี ยังมีอยู่จำนวนมาก สะท้อนจากยอดขายโครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ที่มีการเปิดตัวตั้งแต่ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนยูนิตรวมกว่า 2,300 ยูนิต ซึ่งนับรวมโครงการที่เปิดใหม่3โครงการในช่วงต้นปี โดยในจำนวนนี้สามารถขายได้แล้ว 80%
"จากการเปิดให้ลูกค้าลงทะเบียนแสดงความสนใจซื้อในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีจำนวนลูกค้าลงทะเบียนแสดงความต้องการซื้อกว่า 3-4เท่าของจำนวนห้องชุดที่เปิดขาย สะท้อนดีมานด์ในตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ได้เป็นอย่างดีว่ายังมีอยู่อย่างต่อเนื่องและจำนวนมาก"
นายชัชชาติ กล่าวว่า สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯในปี58 คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวจากปีก่อนหน้า7-10% โดยคอนโดมิเนียมยังคงเป็นกลุ่มสินค้าที่คลองส่วนแบ่งตลาดหลัก อย่างไรก็ตามปัจจัยที่น่าเป็นห่วง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดในปีนี้คือ ปัญหาหนี้ครัวเรือนซึ่งจะส่งผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค นอกจากนี้ปัญหาเรื่องความชัดเจนของการประกาศใช้ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และอัตราในการจัดเก็บภาษีของภาษี ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง รวมถึงความชัดเจนของนโยบายด้านเศรษฐกิจซึ่งจะส่งผลต่อการลงทุนด้วย