xs
xsm
sm
md
lg

ตร.เผยรายการทรัพย์สิน “ถวิล พึ่งมา” ตรงกับที่ยื่น ป.ป.ช.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล.
ตร. เผยรายการทรัพย์สิน “ถวิล พึ่งมา” อดีตอธิการ สจล. ที่ยื่นมา เป็นชุดเดียวกับที่ยื่น ป.ป.ช. รอกองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบลายเซ็นในเอกสารการเงิน ขณะผลการสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่ม ทุกคนยังคงโยนความผิดกันไปมาเหมือนเดิม นัดประชุมพนักงานสอบสวนพรุ่งนี้ เดินหน้าหาพยานหลักฐานต่อ

วันนี้ (28 ม.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข รอง ผบก.ป. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคลี่คลายคดีลักเงินสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนคดีนี้ว่า นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดี สจล. เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวานนี้นั้น ได้นำเอกสารหลักฐานที่ได้นำส่งต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อรายงานทรัพย์สินตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่งอธิการบดี จนกระทั่งพ้นจากตำแหน่ง เพื่อแสดงทรัพย์สินที่มีอยู่ และชี้แจงว่ารายการทรัพย์สินต่างๆ ได้มาอย่างไร และได้มาอย่างถูกต้อง

พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ทางพนักงานสอบสวนก็สอบปากคำไว้ โดยเอกสารต่างๆ กับทรัพย์สินที่ ศ.ดร.ถวิล ถือครองอยู่ก็ตรงกัน ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ ทาง ป.ป.ช. ก็มีอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี สำหรับการสอบปากคำประกอบกับข้อมูลเอกสาร ก็เป็นส่วนหนึ่งในการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีนี้ แต่เราก็ยังต้องแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานต่างๆ ในคดีให้ได้มากที่สุด ส่วนจะมีข้อมูลไหนที่เป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ก็ยังอยู่ระหว่างการประมวลข้อมูลที่ได้มา และยังต้องมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริง

พ.ต.อ.ณษ กล่าวอีกว่า ในส่วนของผลการตรวจเปรียบเทียบลายเซ็นของ ศ.ดร.ถวิล นั้น ยังต้องรอทางกองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) เราก็ได้ประสานไปแล้ว ซึ่งก็มีการเร่งดำเนินการอยู่ แต่ไม่ได้ไปกำหนดระยะเวลา เพียงแต่เราก็ขอให้เขาดำเนินการให้เร็วที่สุด สำหรับการติดตามจับกุมผู้ต้องหาในคดีที่เหลือ โดยเฉพาะ นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีนั้น ได้มีการประสานส่งเรื่องไปยังอัยการแล้ว ก็เป็นส่วนที่กองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับไปดำเนินการ

พ.ต.อ.ณษ กล่าวต่อว่า ศ.ดร.ถวิล ได้นำเอกสารมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สินต่างๆ ที่มีอยู่ก่อนและหลังรับตำแหน่งอธิการบดี โดยทาง สจล. ก็มีเอกสารประกอบ โดยพบว่ามีเงินที่ได้มาจากเงินเดือนประจำในรอบ 1 ปี และที่ได้เงินเพิ่มมา แต่คงต้องสอบสวนอีกทีว่า สจล. มีระเบียบตรงนี้อยู่หรือไม่ ช่วงนี้ก็มีการออกหมายเรียกบุคคลที่เราได้ออกหมายเรียกครั้งแรกไปแล้ว แต่ยังไม่มาอีก 6 ราย ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยจะเป็นการสอบสวนในประเด็นของการได้รับการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารเหมือนกันทุกราย เพื่อให้ชี้แจงที่มาที่ไป ซึ่งทั้งหมดเป็นคนนอก ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ สจล. ซึ่งมีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับนายกิตติศักดิ์

พ.ต.อ.ณษ กล่าวอีกว่า ส่วนการสอบปากคำเพิ่มเติม น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ ผอ.ส่วนการคลัง สจล. ผู้ต้องหาในคดีซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงนั้น ทางพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปสอบปากคำแล้วในวันเดียวกันนี้ แต่จะมีข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นใดบ้างคงยังไม่สามารถระบุได้ ขึ้นอยู่กับ น.ส.อำพร จะให้ข้อมูลอะไรบ้าง เรายังไม่รู้ว่าเขาจะพูดมากพูดน้อยขนาดไหน ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญคงเป็นกรณีของการทุจริตที่เกิดขึ้นจนเกิดความเสียหายมีเงินสูญหายไปจากบัญชีธนาคารจำนวนมาก

พ.ต.อ.ณษ กล่าวด้วยว่า ในวันเดียวกันนี้ ทางเจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์ได้นำเอกสารที่ทางพนักงานสอบสวนต้องการจำนวนหนึ่ง เข้ามาพบพนักงานสอบสวนพร้อมกับให้ปากคำ ยืนยันในการเซ็นชื่อของผู้ที่เกี่ยวข้องกับการนำเงินออกจากบัญชีธนาคารของ สจล. ขณะที่ พ.ต.ท.ทองศูนย์ อุ่นวงศ์ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. พร้อมพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปที่เรือนจำมีนบุรี เพื่อสอบปากคำ น.ส.อำพร น้อยสัมฤทธิ์ นายทรงกลด ศรีประสงค์ ผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาห้างบิ๊กซี ศรีนครินทร์ และนายพูลศักดิ์ บุญสวัสดิ์ นักศึกษาปริญญาโท เจ้าของบัญชีที่มีเงินไหลเข้า 85 ล้าน ผู้ต้องหาในคดีทั้ง 3 โดยมีทนายความร่วมรับฟังการสอบปากคำด้วย

“การสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดในครั้งนี้ ก็เพื่อแจ้งพฤติกรรมให้ครบตามข้อกล่าวหา โดยมีการสอบปากคำตั้งแต่เวลา 09.00 น.เป็นต้นมา โดยผู้ต้องหายังคงให้การเหมือนเดิม มีการโยนความผิดให้กันไปมาระหว่าง น.ส.อำพร และนายทรงกลดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ดำเนินการ หรือสั่งให้ทำ ขณะที่นายพูลศักดิ์ ระบุว่า ไม่ได้รู้จักกับ นายถวิล แต่รู้จักเพียงแต่นายกิตติศักดิ์ มัทธุจัด ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดี ส่วนการให้การจะเป็นประโยชน์หรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานต่างๆ ที่จะมีการนำมายืนยันอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งทางพนักงานสอบสวนยังต้องแสวงหาพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด” พ.ต.อ.ณษ กล่าว

รอง ผบก.ป.กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ดี ในวันที่ 29 มกราคมนี้ จะมีการเรียกประชุมคณะพนักงานสอบสวนในคดีนี้ เพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาประมวลและวางแนวทางว่าจะต้องสืบสวนสอบสวนในประเด็นใดอีก ส่วนการพาดพิงถึงบุคคลใดที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด หรือจะขออนุมัติศาลออกหมายจับคงต้องมีการพิจารณาร่วมกันในระหว่างคณะพนักงานสอบสวนก่อน ขณะเดียวกัน กรณีการขอข้อมูลหลักฐานจากธนาคารกสิกรไทย และธนาคารกรุงไทย ก็มีการประสานไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น