xs
xsm
sm
md
lg

ยธ.เผยผลตรวจค้นเรือนจำรอบ 6 เดือนยึดมือถือร่วม 7 พันเครื่อง-ยาบ้า 2.4 หมื่นเม็ด-ย้าย ผบ.คุก 59 คน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม แถลงอุปกรณ์ที่ตรวจยึดได้
ยธ.เตรียมจัดประชุมระดมความเห็นปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แก้ปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนได้ พร้อมเผยผลการตรวจค้นเรือนจำแบบจู่โจมในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาพบมือถือ 6,703 เครื่อง ยาบ้ากว่า 2.4 หมื่นเม็ด สั่งย้าย ผบ.เรือนจำแล้ว 59 ราย



วันนี้ (17 ธ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม เมื่อเวลา 11.00 น. นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกประจำกระทรวงยุติธรรม แถลงความคืบหน้าการดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมตามนโยบายรัฐบาลในรอบ 1 ปี ว่าในวันที่ 22-23 ธ.ค.นี้ กระทรวงยุติธรรมจะมีการจัดการประชุมระดับชาติว่าด้วยงานยุติธรรมครั้งที่13 ภายใต้หัวข้อ “เติมเต็มช่องว่าง สร้างมิติใหม่ของกระบวนการยุติธรรม” เพื่อเป็นเวทีนำไปสู่การกำหนดแนวทางและเจตนารมณ์ร่วมกันในการขับเคลื่อนการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมในด้านต่างๆ ได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลใน 5 ด้านสำคัญ ประกอบด้วย 1. ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2. การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 3. การพัฒนาพฤตินัยและแก้ไขฟื้นผู้กระทำผิด 4. การลดความเหลื่อมล้ำ และ 5. ด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติพิเศษและผู้มีอิทธิพล

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ เนื่องจากการปฏิรูประบบราชการที่ได้ดำเนินการมากว่า15 ปีนับตั้งแต่กระทรวงยุติธรรมแยกออกจากศาลยุติธรรม ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมได้มีการปรับปรุงการทำงานของหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด แต่พบว่ามีช่องว่างหลายประการที่ทำให้ไม่สามารถอำนวยความยุติธรรมให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น กระทรวงยุติธรรมจึงจะนำนโยบาย 5 ด้านสำคัญมาดำเนินการขับเคลื่อนการทำงานในด้านต่างๆ ต่อไป โดยเห็นว่า 1. ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ โดยสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (สำนักงาน ป.ป.ท.) ควรเติมเต็มบทบาทของฝ่ายบริหารในการประสานงานกับ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นองค์กรอิสระในการป้องกันและการมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้น 2. ด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อยากเน้นเรื่องการป้องกันฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 3. ด้านการพัฒนาพฤตินัยและแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิด ควรเติมเต็มกระบวนการยุติธรรมทางเลือกเพื่อพัฒนาฟื้นฟูผู้กระทำผิดและป้องกันไม่ให้ผู้พ้นจากเรือนจำกลับมากระทำผิดซ้ำอีก 4. ด้านการลดความเหลื่อมล้ำ ควรเติมเต็มความยุติธรรมให้เป็นเรื่องที่เข้าถึงง่าย โดยต้องเป็นไปด้วยความเสมอภาคเป็นธรรมรวดเร็ว และ 5. ด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและผู้มีอิทธิพล ควรเติมเติมมาตรการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่เป็นปัญหาระดับโลก ซึ่งกระทบต่อสิทธิเสรีภาพและระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างเร่งรัดและเป็นธรรม

โฆษกประจำกระทรวงยุติธรรมกล่าวอีกว่า ภายในงานดังกล่าวจะมีการปาฐกถาพิเศษจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในหัวข้อ “ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ปฏิรูปประเทศไทย” และ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “เติมเต็มช่องว่าง สร้างมิติใหม่ของกระบวนการยุติธรรม”

ทั้งนี้ นายชาญเชาวน์ได้กล่าวถึงทิศทางการทำงานและประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหายาเสพติดในเรือนจำทั่วประเทศตลอดช่วง 6 เดือนทึ่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 9 มิ.ย. - 9 ธ.ค. 2557 ว่า ทางเรือนจำสามารถจรวจพบสิ่งของต้องห้าม เช่น โทรศัพท์มือถือ 6,703 เครื่อง หรือเฉลี่ยต่อเดือนประมาณ 1,000 กว่าเครื่อง แบ่งเป็นการตรวจสกัดกั้นก่อนนำเข้าเรือนจำได้จำนวน 4,397 เครื่อง และตรวจค้นในเรือนจำพบโทรศัพท์มือถืออีก 2,306 เครื่อง ซิมการ์ด 1,280 อัน และยาเสพติดจำนวน 24,767 เม็ด โดยสามารถจับกุมยาเสพติดได้ก่อนนำเข้ามาภายในเรือนจำ 17,896 เม็ด และสามารถตรวจพบในเรือนจำ 6,871 เม็ด แยกเป็นยาไอซ์จำนวน 2,839 กรัม จับกุมได้ก่อนนำเข้าเรือนจำ 2,280 กรัม ตรวจพบภายในเรือนจำอีก 559 กรัม และกัญชาจำนวน 6 กรัม

นายชาญเชาวน์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าใช้วิธีการตรวจค้นเรือนจำแบบจู่โจมเกือบทุกวัน พร้อมยังรายงานผลปฏิบัติการทุกๆ 7 วัน ร่วมไปถึงการดำเนินการทางวินัยกับเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการนำของต้องห้ามเข้าไปในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย. - 16 ธ.ค. แบ่งเป็นกรณีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมทั้งสิ้น 19 ราย ไล่ออกจากราชการ 8 ราย ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง 1 ราย และดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนและสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนจำนวน 10 ราย ในส่วนเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องในการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าเรือนจำ 10 ราย ดำเนินการไล่ออก 1 ราย แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนและสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนจำนวน 3 ราย และตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง อีก1 ราย

“ที่สำคัญได้ย้ายข้าราชการระดับ ผบ.เรือนจำที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์และยาเสพติด กว่า 59 คน แยกเป็นประเภทยาเสพติด 9 ราย เกี่ยวข้องกับการนำมือถือเข้าเรือนจำอีก 6 ราย และข้องเกี่ยวทั้งยาเสพติดและนำเข้ามือถือ 44 ราย” โฆษกประจำกระทรวงยุติธรรมกล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น