รมว.ยุติธรรมสัมมนาทิศทางการทำงานของ ป.ป.ท.ปีงบประมาณ 2558 ระบุเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ภาคสนามทำงานกับผู้มีอิทธิพล เผยอัตรากำลังไม่เพียงพอกับภารกิจ เตรียมขอเพิ่ม พร้อมกำชับดำเนินคดี “เณรคำ” ต่อ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ (17 พ.ย.) ที่โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนา “นโยบาย ทิศทางและยุทธศาสตร์ของสำนักงานคณะกรรมการการป้องการและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ประจำปีงบประมาณ 2558” โดยนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าวรายงานและให้การต้อนรับ มีข้าราชการ ป.ป.ท.ร่วมรับฟังกว่า 200 ราย
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า หลังจากมอบนโยบายเร่งด่วน 5 ด้านแก่ข้าราชการ แต่ละหน่วยงานในกระทรวงไปแล้วนั้น วันนี้ได้พูดถึงภารกิจของ ป.ป.ท. ซึ่งรัฐบาลเองได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ และถามถึงผลการดำเนินงานหลังจากที่มีประกาศคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับ 69 ว่าผลเป็นอย่างไร ปัจจุบัน ป.ป.ท.มีกำลังเจ้าหน้าที่เพียง 250 อัตรา ซึ่งไม่เพียงพอต่อภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ซึ่งต้องขอเพิ่มอัตรากำลังเป็น 390 อัตรา
นอกจากนี้ ป.ป.ท.ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้อยู่ในชั้นกฤษฎีกา โดยสั่งให้เลขาธิการ ป.ป.ท.นำร่างกฎหมายมาศึกษาในส่วนที่มีความจำเป็นต้องปรับปรุง เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงาน
อย่างไรก็ตาม ตนมีความห่วงใยเจ้าหน้าที่ทุกนาย เนื่องจากภารกิจด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตมักมีความเชื่อมโยงกับผู้มีอิทธิพล เจ้าหน้าที่ภาคสนามที่อยู่ในพื้นที่ ต้องระมัดระวังตัวเองในขณะปฏิบัติหน้าที่ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้ากรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ดำเนินคดีกับอดีตหลวงปู่เณรคำ หรือนายวิรพล สุขผล อดีตประธานสงฆ์วัดป่าขันติธรรม อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า คดีนี้เกิดขึ้นก่อนที่ตนจะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ล่าสุดอธิบดีดีเอสไอได้รายงานความคืบหน้าคดีให้ทราบแล้วซึ่งตนได้เคยพูดไปแล้วว่าให้ไปทำมาให้เรียบร้อย
ด้านนายประยงค์ กล่าวว่า เมื่อ 6-7 ปี ที่แล้วมีการทุจริตในภาครัฐมาก ปัจจุบันการทุจริตมีความซับซ้อนมากขึ้น ป.ป.ท.กำลังเสนอแก้กฏหมาย ป.ป.ท. เพื่อให้เกิดความคล่องตัว และรวดเร็วมากขึ้นในการ ตรวจสอบข้อมูลการทุจริตในหน่วยงานภาครัฐขึ้น ในส่วนคดีการทุจริตสนามฟุตซอลนั้น ป.ป.ท.ไม่สามารถสืบสาวข้อมูลได้มากกว่านี้แล้ว เนื่องจากคดีนี้เป็นการทุจริตแบบเครือข่าย ที่ผู้อยู่เบื้องหลังไม่ปรากฏตัว เช่นคดียาเสพติดที่เจ้าพ่อยาเสพติดอยู่เบื้องหลัง และให้ลูกน้องเป็นคนดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ ป.ป.ท.กำลังเสนอแนวคิด "สมคบคิด" ให้กับที่ประชุม เพื่อแก้ไขปรับปรุงกฏหมายเอาผิดผู้อยู่เบื้องหลังได้
