“พล.อ.ไพบูลย์” สั่ง ป.ป.ท.ประสานดีเอสไอ-ปปง.-สตง.ตรวจสอบสนามฟุตซอลโรงเรียน หลังพบมีมูลความผิด เลขาธิการ ป.ป.ท.เผยทำควบคู่นโยบายจ่าย 1,000 บาทต่อไร่ให้ชาวนา
วันนี้ (8 ต.ค.) พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีทุจริตโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) วงเงินกว่า 600 ล้านบาท ว่าได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ไปบูรณาการทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รวมถึงประสานสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกทางหนึ่งเพราะเป็นเงินจำนวนมาก เบื้องต้นพบมีมูลความผิดจึงจำเป็นต้องตรวจสอบทั้งระบบ
สำหรับการตั้งคณะทำงานปราบปรามทุจริตที่มีการบูรณาการ 11 หน่วยงานนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สั่งการเพิ่มเติมให้ดึงภาคเอกชนมาร่วมด้วย จึงได้มอบหมายให้เลขาธิการ ป.ป.ท.ทาบทามเอกชนที่มีความสนใจ และพร้อมให้ความร่วมมือมาทำงานร่วมกัน เมื่อได้ตัวแทนภาคเอกชนแล้ว จึงเสนอต่อนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งอย่างเป็นทางการ
“ปัญหาทุจริตถือเป็นเรื่องใหญ่ ต้องสร้างกลไกตรวจสอบทุกด้าน เพราะยังมีงบประมาณอีกหลายโครงการที่ต้องได้รับการตรวจสอบ เพื่อให้การใช้เงินถูกส่งไปถึงประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่รั่วไหลระหว่างทาง”
ด้านนายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ ป.ป.ท.กล่าวว่า พล.อ.ไพบูลย์สั่งการให้ ป.ป.ท.ประสานกับ สตง.ตรวจสอบโครงการดังกล่าว ควบคู่กับการตรวจสอบนโยบายจ่ายเงิน 1,000 บาทต่อไร่ให้ชาวนา เพื่อให้เป็นโมเดลคู่ขนาน ในส่วนของโครงการทุจริตสนามฟุตซอลได้ประสานกับ พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการ ปปง. และพล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้ส่งรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่จะปฏิบัติงานมาให้แล้ว โดยสัปดาห์หน้าจะประชุมเพื่อแบ่งงานเป็นเขตพื้นที่เพื่อจัดสรรผู้รับผิดชอบให้ชัดเจนใน 3 จุด คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 11 จังหวัด ภาคเหนือ คือ อุตรดิตถ์ เชียงราย พิษณุโลก พะเยา และภาคกลาง คือ ชลบุรี และสระบุรี ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบจะดูตามโรงเรียนที่ได้รับการจัดสรรงบ โดย ป.ป.ท.ได้ส่งหนังสือไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อขอเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบ
