นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบทุจริตโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลว่า จากการตรวจสอบภาพรวมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะที่ จ.นครราชสีมา พบการทุจริตทุกโรงเรียนที่ ป.ป.ท. เข้าไปตรวจสอบทั้ง 39 แห่ง จากโรงเรียนทั้งหมด 101 แห่ง เบื้องต้นพบว่ากรณีดังกล่าวเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.ฮั้วประมูล เนื่องจากบริษัทวายอีอี จำกัด และบริษัทเอ็มเอไอ มีเจ้าของเป็นบุคคลเดียวกัน โดยบริษัทวายอีอี เป็นผู้ชนะการประมูล หลังชนะการประมูลยังเป็นบริษัทที่เข้าทำสัญญาก่อสร้างกับโรงเรียนที่ได้รับจัดสรรงบประมาณ โดยการก่อสร้างสนามฟุตซอลที่นครราชสีมา แตกต่างจากการก่อสร้างของโรงเรียนใน จ.อุตรดิตถ์ และบุรีรัมย์ ที่ได้มาตรฐานก่อสร้างมากกว่า
นายประยงค์ กล่าวอีกว่า วันนี้ ป.ป.ท.จะทำหนังสือเสนอต่อ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อนุมัติให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และดีเอสไอ ร่วมตรวจสอบการทุจริตทั้งระบบ เนื่องจากคดีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฮั้วประมูลต้องใช้อำนาจดีเอสไอในการตรวจสอบ เบื้องต้นได้หารือกับ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดีดีเอสไอแล้ว ส่วน ปปง.จะขอให้เข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะการใช้งบ สพฐ.ว่า เข้ากระเป๋าบุคคลใดบ้าง
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเริ่มมีการเบิกจ่ายในปี 2256 ดังนั้นเชื่อว่าหลักฐานทางการเงินน่าจะเหลือร่องรอยให้ตรวจสอบได้
ทั้งนี้หากพบเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น สพฐ. หรือข้าราชการครู หากเป็นระดับสูงกว่าซี 8 จะส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนความผิดมาตรา 157 และ พ.ร.บ.ฮั้วประมูล ส่วนความผิดของเจ้าหน้าที่ต่ำกว่าซี 8 ป.ป.ท.จะเอาผิดทั้งอาญา และส่งหน่วยงานต้นสังกัดเอาผิดทางวินัย ขณะที่ความผิดของบริษัทเอกชนดีเอสไอจะเป็นผู้ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย
นายประยงค์ กล่าวอีกว่า วันนี้ ป.ป.ท.จะทำหนังสือเสนอต่อ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม อนุมัติให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และดีเอสไอ ร่วมตรวจสอบการทุจริตทั้งระบบ เนื่องจากคดีดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฮั้วประมูลต้องใช้อำนาจดีเอสไอในการตรวจสอบ เบื้องต้นได้หารือกับ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ อธิบดีดีเอสไอแล้ว ส่วน ปปง.จะขอให้เข้าไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะการใช้งบ สพฐ.ว่า เข้ากระเป๋าบุคคลใดบ้าง
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเริ่มมีการเบิกจ่ายในปี 2256 ดังนั้นเชื่อว่าหลักฐานทางการเงินน่าจะเหลือร่องรอยให้ตรวจสอบได้
ทั้งนี้หากพบเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็น สพฐ. หรือข้าราชการครู หากเป็นระดับสูงกว่าซี 8 จะส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนความผิดมาตรา 157 และ พ.ร.บ.ฮั้วประมูล ส่วนความผิดของเจ้าหน้าที่ต่ำกว่าซี 8 ป.ป.ท.จะเอาผิดทั้งอาญา และส่งหน่วยงานต้นสังกัดเอาผิดทางวินัย ขณะที่ความผิดของบริษัทเอกชนดีเอสไอจะเป็นผู้ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย
