นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ แถลงผลสรุปการสอบสวนคดีทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน จำนวน 369 แห่งทั่วประเทศ ของสำนักงานตำรวจแหางชาติ โดยระบุว่า ทางพนักงานสอบสวนได้สรุปและลงความเห็นยื่นสำนวนคดีดังกล่าวให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.ไต่สวนและชี้มูลความผิดไปแล้วว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เข้าข่ายความผิดมาตรา 157 กรณีการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูล มาตรา 13 นายสุเทพ ที่ปฏิหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น เข้าข่ายความผิดนี้
นอกจากนี้ ดีเอสไอ ยังเอาผิด บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ในคดีฮั้วประมูล และยังจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาโดยทุจริตรวมกันหลอกลวงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยการเสนอราคาประมูลมากกว่าราคาปกติจนเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ นอกจากความผิดฐานฉ้อโกงต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-3 ปี ปรับร้อยละ 50 ของจำนวนเงิน ที่มีการเสนอราคาหรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยในวันพรุ่งนี้จะเชิญบริษัทพีซีซีฯ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในเวลา 09.30 น .
นอกจากนี้ ดีเอสไอ ยังเอาผิด บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ในคดีฮั้วประมูล และยังจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาโดยทุจริตรวมกันหลอกลวงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ด้วยการเสนอราคาประมูลมากกว่าราคาปกติจนเป็นเหตุให้ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาได้ นอกจากความผิดฐานฉ้อโกงต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-3 ปี ปรับร้อยละ 50 ของจำนวนเงิน ที่มีการเสนอราคาหรือของจำนวนเงินที่มีการทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยในวันพรุ่งนี้จะเชิญบริษัทพีซีซีฯ เข้ารับทราบข้อกล่าวหาในเวลา 09.30 น .