นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน จำนวน 396 แห่งทั่วประเทศ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า พนักงานสอบสวนได้สรุปและลงความเห็นว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น น่าจะเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 157 ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.ฮั้วประมูล มาตรา 11 12 และ 13 นายสุเทพ น่าจะเข้าข่ายความผิดนี้เพียงผู้เดียว โดยขณะนี้ ตนอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อไปยื่นสำนวนดังกล่าวส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อทำการไต่สวนและชี้มูลความผิดต่อไป ทั้งนี้ จะทำการแถลงต่อสื่อมวลชนอีกครั้งในวันพรุ่งนี้
ส่วนกรณีการฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วงนั้น พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชียวชาญคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนว่า บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ทำผิดฐานฉ้อโกง โดยการไปว่าจ้างผู้รับเหมาช่วงให้ดำเนินการก่อสร้างที่ก่อนหน้านั้น พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือเชิญให้บริษัทดังกล่าว มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 มีนาคมนั้น ทางบริษัทพีซีซีฯ ได้ทำหนังสื่อแจ้งมาว่า จะขอเข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนในวันที่ 7 มีนาคมนี้ เวลา 09.30 น. ดังนั้นพนักงานสอบสวนอาจทำการแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบภายในวันดังกล่าว
ส่วนกรณีการฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วงนั้น พ.ต.ท.ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชียวชาญคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนว่า บริษัทพีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ทำผิดฐานฉ้อโกง โดยการไปว่าจ้างผู้รับเหมาช่วงให้ดำเนินการก่อสร้างที่ก่อนหน้านั้น พนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือเชิญให้บริษัทดังกล่าว มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 15 มีนาคมนั้น ทางบริษัทพีซีซีฯ ได้ทำหนังสื่อแจ้งมาว่า จะขอเข้าพบพนักงานสอบสวนก่อนในวันที่ 7 มีนาคมนี้ เวลา 09.30 น. ดังนั้นพนักงานสอบสวนอาจทำการแจ้งข้อกล่าวหาให้ทราบภายในวันดังกล่าว