วานนี้(27 ก.พ.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าของคดีทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน จำนวน 396 แห่งทั่วประเทศ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ล่าสุด พนักงานสอบสวนพบหลักฐานใหม่ เป็นเอกสารมติคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ กวพ.อ. ว่า การจัดจ้างโครงการก่อสร้างโรงพัก สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเป็นการขัด มติครม. ที่ได้อนุมัติจัดประมูลโครงการก่อสร้างโรงพักแบบรวมสัญญาเดียว
ดังนั้น จึงชัดเจนว่านายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น มีความผิดตาม มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ฮั้วประมูลด้วย ซึ่งดีเอสไอ จะเตรียมสรุปสำนวนในสัปดาห์หน้า เพื่อส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ส่วนกรณีการฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วง นั้น พ.ต.ท ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน มีหลักฐานชัดเจนว่า บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ทำผิดฐานฉ้อโกง โดยการไปว่าจ้างผู้รับเหมาช่วง ให้ดำเนินการก่อสร้าง จึงเตรียมออกหนังสือเชิญให้ตัวแทนบริษัทดังกล่าว มารับทราบข้อหาในวันที่ 15 มี.ค.นี้
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งการที่จะบอกเลิกสัญญาได้ ต้องดูว่า ในวันที่ 14 มี.ค. ตามที่สัญญาจะมีการส่งมอบงานให้นั้น บริษัทผู้รับเหมา สามารถจะส่งมอบงานให้ได้หรือไม่ อันนี้เป็นประเด็นที่สำคัญมาก เพราะว่าต้องดำเนินการภายใต้สัญญา และกฎหมาย และดูว่ามีการทิ้งงานอย่างไรบ้าง หรือมีการเช่าช่วงอย่างไรบ้าง แต่ประเด็นคือ ไม่สามารถส่งมอบงานให้ตามกำหนดเวลาได้ ซึ่งตนมีหน้าที่เป็นผู้บริหารต้องเร่งรัดให้เขาส่งมอบงานมาให้เร็วที่สุด โดยได้มีการแจ้งเตือนไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้มีการดำเนินการที่จะประกวดราคาใหม่ ซึ่งก็มีความยุ่งยาก เนื่องจากว่าเราต้องมีการเตรียมการภายหลัง ถ้าบริษัทผู้รับเหมาดังกล่าวไม่สามารถส่งมอบงานได้ จึงต้องดำเนินการอีกช่องทาง เพื่อให้แต่ละโรงพักสามารถทำงานได้ รวมถึงมีการตั้งทีมไปสอบสวนดูว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความเสียหายอย่างไร โดยนำผลการสอบสวนไปประกอบกับบริษัทผู้รับเหมาจะสามารถส่งงานได้ทันตามกำหนดดังกล่าวด้วย
ขณะเดียวกันตน และพล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ได้ร่วมกันพิจาณาให้โรงพักที่ถูกรื้อ ได้มีการปรับปรุงโรงพักชั่วคราวขึ้นมา เพื่อที่จะสามารถทำงานได้ โดยจัดงบประมาณสนับสนุนสำหรับโรงพักที่ถูกรื้อ 300,000 บาท และโรงพักที่ไม่ถูกรื้อ 100,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ได้ประกาศแนวทางปฏิบัติไว้ มีเกณฑ์ประเมินผล และมีการแข่งขันอีก 3 เดือนว่า โรงพักใดจะเป็นโรงพักดีเด่น สามารถนำหน่วยได้ดีมาก ก็จะมอบรางวัลให้ ซึ่งภายหลังจากเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ไปตรวจเยี่ยมโรงพักชั่วคราวที่ บช.ภ.1 สภ.คลองห้า บช.ภ.3 สภ.สูงเนิน เริ่มมีการขับเคลื่อน และมีการปรับปรุงมากขึ้นแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เจตน์ มงคลหัตถี ที่ปรึกษาสบ. 10 ไปสอบสวนโครงการดังกล่าว ได้รับรายงานมาให้ทราบหรือยังนั้น ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าคงใช้เวลาไม่นาน ซึ่งขณะนี้ยังรอผลจากการประเมินความเสียหายอยู่ เนื่องจากจะต้องทำการตรวจสอบความเสียหายจากโรงพักทั่วประเทศ โดยให้วิศวกรผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ประเมินความเสียหาย
ดังนั้น จึงชัดเจนว่านายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น มีความผิดตาม มาตรา 157 และ พ.ร.บ.ฮั้วประมูลด้วย ซึ่งดีเอสไอ จะเตรียมสรุปสำนวนในสัปดาห์หน้า เพื่อส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ส่วนกรณีการฉ้อโกงผู้รับเหมาช่วง นั้น พ.ต.ท ถวัล มั่งคั่ง ผู้เชี่ยวชาญคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน กล่าวว่า ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวน มีหลักฐานชัดเจนว่า บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ทำผิดฐานฉ้อโกง โดยการไปว่าจ้างผู้รับเหมาช่วง ให้ดำเนินการก่อสร้าง จึงเตรียมออกหนังสือเชิญให้ตัวแทนบริษัทดังกล่าว มารับทราบข้อหาในวันที่ 15 มี.ค.นี้
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า คดีมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งการที่จะบอกเลิกสัญญาได้ ต้องดูว่า ในวันที่ 14 มี.ค. ตามที่สัญญาจะมีการส่งมอบงานให้นั้น บริษัทผู้รับเหมา สามารถจะส่งมอบงานให้ได้หรือไม่ อันนี้เป็นประเด็นที่สำคัญมาก เพราะว่าต้องดำเนินการภายใต้สัญญา และกฎหมาย และดูว่ามีการทิ้งงานอย่างไรบ้าง หรือมีการเช่าช่วงอย่างไรบ้าง แต่ประเด็นคือ ไม่สามารถส่งมอบงานให้ตามกำหนดเวลาได้ ซึ่งตนมีหน้าที่เป็นผู้บริหารต้องเร่งรัดให้เขาส่งมอบงานมาให้เร็วที่สุด โดยได้มีการแจ้งเตือนไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังได้มีการดำเนินการที่จะประกวดราคาใหม่ ซึ่งก็มีความยุ่งยาก เนื่องจากว่าเราต้องมีการเตรียมการภายหลัง ถ้าบริษัทผู้รับเหมาดังกล่าวไม่สามารถส่งมอบงานได้ จึงต้องดำเนินการอีกช่องทาง เพื่อให้แต่ละโรงพักสามารถทำงานได้ รวมถึงมีการตั้งทีมไปสอบสวนดูว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความเสียหายอย่างไร โดยนำผลการสอบสวนไปประกอบกับบริษัทผู้รับเหมาจะสามารถส่งงานได้ทันตามกำหนดดังกล่าวด้วย
ขณะเดียวกันตน และพล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. ได้ร่วมกันพิจาณาให้โรงพักที่ถูกรื้อ ได้มีการปรับปรุงโรงพักชั่วคราวขึ้นมา เพื่อที่จะสามารถทำงานได้ โดยจัดงบประมาณสนับสนุนสำหรับโรงพักที่ถูกรื้อ 300,000 บาท และโรงพักที่ไม่ถูกรื้อ 100,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ได้ประกาศแนวทางปฏิบัติไว้ มีเกณฑ์ประเมินผล และมีการแข่งขันอีก 3 เดือนว่า โรงพักใดจะเป็นโรงพักดีเด่น สามารถนำหน่วยได้ดีมาก ก็จะมอบรางวัลให้ ซึ่งภายหลังจากเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ไปตรวจเยี่ยมโรงพักชั่วคราวที่ บช.ภ.1 สภ.คลองห้า บช.ภ.3 สภ.สูงเนิน เริ่มมีการขับเคลื่อน และมีการปรับปรุงมากขึ้นแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เจตน์ มงคลหัตถี ที่ปรึกษาสบ. 10 ไปสอบสวนโครงการดังกล่าว ได้รับรายงานมาให้ทราบหรือยังนั้น ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการ คาดว่าคงใช้เวลาไม่นาน ซึ่งขณะนี้ยังรอผลจากการประเมินความเสียหายอยู่ เนื่องจากจะต้องทำการตรวจสอบความเสียหายจากโรงพักทั่วประเทศ โดยให้วิศวกรผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ประเมินความเสียหาย