พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวภายหลังมอบนโยบายให้กับเจ้าหน้าที่ป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ว่า เน้นย้ำให้ปฏิบัติตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 69 เรื่อง การป้องกันและปราบปรามการทุจริต และเตรียมเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่อีก 390 อัตรา จากเดิม 250 อัตรา รองรับการปราบปรามการทุจริต ที่รัฐบาลกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ รวมถึงเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหาร ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2551 เพื่อลดขั้นตอนการทำงาน
ตามพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว กำหนดให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.แต่ละเขตต้องทำหนังสือขอให้คณะกรรมการ หรือบอร์ด ป.ป.ท.ส่วนกลาง เป็นผู้อนุมัติ ทั้งการตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ขอหมายศาลเพื่อตรวจค้น สรุปสำนวนส่งอัยการสั่งฟ้องศาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.เขตพื้นที่บางส่วนมองว่าทำให้การทำงานล่าช้า ยังมีปัญหาการปราบปรามการทุจริตในบางกรณีที่ไม่สามารถเชื่อมโยงไปถึงผู้สั่งการได้ เพราะไม่มีหลักฐานการกระทำทุจริต
ขณะที่คณะกรรมการ หรือบอร์ด ป.ป.ท.ชุดปัจจุบัน มี 6 คน ประกอบด้วย อดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงยุติธรรม และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะประชุมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ตามพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว กำหนดให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.แต่ละเขตต้องทำหนังสือขอให้คณะกรรมการ หรือบอร์ด ป.ป.ท.ส่วนกลาง เป็นผู้อนุมัติ ทั้งการตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ขอหมายศาลเพื่อตรวจค้น สรุปสำนวนส่งอัยการสั่งฟ้องศาล ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.เขตพื้นที่บางส่วนมองว่าทำให้การทำงานล่าช้า ยังมีปัญหาการปราบปรามการทุจริตในบางกรณีที่ไม่สามารถเชื่อมโยงไปถึงผู้สั่งการได้ เพราะไม่มีหลักฐานการกระทำทุจริต
ขณะที่คณะกรรมการ หรือบอร์ด ป.ป.ท.ชุดปัจจุบัน มี 6 คน ประกอบด้วย อดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงยุติธรรม และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะประชุมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
