ดีเอสไอยุคใหม่สานต่อคดี “เณรคำ” แล้ว ประสานกองปราบฯ ขอสำนวนคดี ชี้เข้าข่ายกระทำผิดรวม 5 คดี 8 ฐานความผิด ทั้งทางแพ่งและอาญา เข้าข่ายถูกยึดทรัพย์เพิ่ม ยันอยู่สหรัฐฯ เตรียมขอกลับตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน
วันนี้ (17 พ.ย.) พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผบ.สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ กล่าวถึงคดีที่ดีเอสไอจะดำเนินการต่อหลวงปู่เณรคำ หรือพระวิระพล สุขผล รวม 5 คดี โดยคดีแพ่ง ได้แก่ คดีฉ้อโกงประชาชน และคดีฟอกเงิน ส่วนคดีอาญา ได้แก่ คดีกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี คดี พรากผู้เยาว์ และคดีผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
นอกจากนี้ยังต้องดูกฎหมายการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศสหรัฐอเมริกาว่ามีรายละเอียดอะไรบ้าง เนื่องจากเป็นเรื่องละเอียดอ่อนระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ดีเอสไอได้มีการถอนหนังสือเดินทาง หรือวีซ่า ของหลวงปู่เณรคำไปแล้ว แต่ขณะนี้ไม่ทราบว่าใช้หลักฐานหรือหนังสือเดินทางอะไรที่ยังสามารถอาศัยอยู่ที่อเมริกาได้
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทางดีเอสไอได้ตรวจสอบข้อมูลมาโดยตลอด รวมทั้งภาพที่มีการโพสต์ผ่านเฟสบุ๊คเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ดีเอสไอก็มีข้อมูลแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาย หลังที่ดีเอสไอรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษตามข้อเสนอของ ผบ.สำนักคดีความมั่นคง กระทั่งเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 56 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ได้เรียกประชุมร่วม 5 หน่วยงาน ประกอบด้วย ดีเอสไอ สถาบันนิติวิทยาศาตร์ ปปส. ปปง.และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เพื่อวางแนวทางการสอบสวนและปฏิบัติงานร่วมกันในการตรวจสอบเส้นทางการเงินต้องสงสัยและการประพฤติไม่เหมาะสมของหลวงปู่เณรคำ
โดยผลจากการประชุมร่วม 5 หน่วยงานพบเข้าข่ายเป็นความผิดต้องถูกดำเนินคดีรวม 8 ฐานความผิด คือ 1. การใช้สื่อสารสนเทศลงโฆษณาอันเป็นเท็จ ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณชน เบื้องต้นถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 เนื่องจากมีการอ้างว่า ได้เข้าเฝ้าพระอินทร์แล้วพระอินทร์รับสั่งให้สร้างพระแก้วมรกตองค์ใหญ่ ซึ่งดีเอสไอวิเคราะห์แล้วเห็นว่าความผิดสำเร็จแล้ว 2. กรณีการกระทำชำเราเด็กหญิงและพรากผู้เยาว์ซึ่งเป็นความผิดอาญา มาตรา 277 และ 317 วรรค 3 และ 3. กรณีที่หลวงปู่เณรคำกับพวกมีพฤติกรรมหลบเลี่ยงภาษีรถหรู เบื้องต้นพบรถยนต์ต้องสงสัย 9 คัน เช่น บีเอ็มดับเบิลยู มินิคูเปอร์ นิสสันซิโซโร่ ซึ่งน่าจะมีการนำออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และรถเบนซ์อีกจำนวนหนึ่งที่ซื้อใน จ.อุบลราชธานี
4. กรณีเสพยาเสพติดให้โทษ 5. การแสดงและใช้วุฒิการศึกษาเท็จว่าจบดอกเตอร์จากมหาวิทยาลัยสันติภาพโลก ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.การอุดมศึกษาเอกชน 6. คดีฆ่าคนตายโดยประมาทจากการขับรถชนคนตาย 7. ความผิดฐานฟอกเงินกรณีการเบียดบังเงินบริจาคไปซื้อทรัพย์สินและการนำเงินไปฝากในต่างประเทศ 8. การอวดอุตริ อภินิหาร หลังรับเป็นคดีพิเศษดีเอสไอจะประสานให้กองปราบฯส่งสำนวนที่ได้รวบรวมไว้มาให้ดีเอสไอ
ด้านนางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการดำเนินคดีกับหลวงปู่เณรคำว่า ขณะนี้ดีเอสไออยู่ระหว่างการประสานส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งรายละเอียดข้อหาต่างๆ มีเยอะ และอัยการยังสั่งฟ้องไม่ครบทั้ง 5ข้อหา ตามที่ดีเอสไอได้สรุปสำนวนส่งฟ้องไป
อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอยังทำหน้าที่อยู่ต่อเนื่อง แต่ในขั้นตอนการทำงานนั้นไม่สามารถนำมาเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณะทั้งหมดได้ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
สำหรับการประสานงานในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนจากสหรัฐอมเมริกานั้น ที่ผ่านมาก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี แต่ติดปัญหาเรื่องกระบวนการสั่งฟ้องของไทยที่ยังสั่งฟ้องไม่ครบทุกข้อหา จึงไม่สามารถส่งเอกสารคดีความทั้งหมดไปให้อเมริกา เพื่อให้ส่งตัวผู้ต้องหากลับมาในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนได้ เพราะขั้นตอนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเป็นเรื่องของสหรัฐอเมริกา ดังนั้นจึงต้องรอให้อัยการสั่งฟ้องให้ครบทั้ง 5 คดีเสียก่อน