เขาได้รับการสนับสนุนจากพี่ๆทั้งสายทหาร สายตำรวจอีกทั้งปีกการเมืองสายบุรีรัมย์อันเป็นต้นตำรับกลุ่ม “สีน้ำเงิน”ก้าวขึ้นมาเป็น รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง และบริหาร 1 ทำท่าจะสืบต่อเป็น ผบ.ตร.อันดับที่ 11 ในปีหน้า...โดยใครก็ขวางไม่อยู่ เพราะเขาเป็นน้องรัก “พี่ป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ”ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคนี้
ยามนี้ถ้าตัดพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร.ออกไปพล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา รรท.รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคงและบริหาร 1 เป็นตำรวจที่ถูกสังคมไทยจับจ้องมากที่สุด
ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ซึ่งมีทรัพย์สินมากกมายกว่า 900 ล้านบาท หรือการลงไปคุมคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี
เขา-พล.ต.ท.จักรทิพย์ มาจากไหน เส้นทางเติบโตในราชการตำรวจต้องฟันฝ่าอะไรมาบ้างรวมทั้งคำถมที่ว่าเขาร่ำรวยมาจากอะไร วันนี้ลองมาทำความรู้จักกับนายตำรวจผู้นี้ในอีกแง่มุมหนึ่งซึ่งหลายๆคนอาจจะยังไม่ทราบ
พล.ต.ท.จักรทิพย์ มาจากครอบครัวที่มีฐานะทางเศรษฐกิจที่ดี บิดาคือนายประณีต ชัยจินดา นักธุรกิจคนดังแห่งอ่างศิลา ชลบุรีมีกิจการค้าอาหารทะเลและนายหน้าค้าที่ดินระดับ วีไอพี.แห่งภาคตะวันออก จักรทิพย์มีภรรยาชื่อ ดร.บุษบา ชัยจินดา ทายาทเจ้าของมหาวิทยาลัยศรีปทุม ฐานะความเป็นอยู่จึงเข้าขั้นมีอันจะกิน ส่วนที่มีทรัพย์สินเฉียดพันล้านบาทนั้น ใครคิดว่าปกติหรือไม่ปกติก็แล้วแต่ใครจะคิด
เส้นทางการศึกษาเมื่อจบจากวชิราวุธวิทยาลัย เข้าสอบเตรียมทหารแต่ไม่ติดจึงเอนทรานซ์เข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมกับนักเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ปรากฏว่าติดทั้งจุฬาฯและสามพรานแต่เลือกเป็นตำรวจโดยจบนักเรียนนายร้อยรุ่น36 มีเพื่อนประจำรุ่นคนดังก็คือ พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ พล.ต.ต.รณศิลป์ ภู่สาระ พล.ต.ต.ณรัชต์ เศวตนันท์ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงศ์ปิ่น พล.ต.ต.อิทธิพล ภิริยะภิญโญ พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า และพล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช เป็นต้น
ในระหว่างรับราชการยังหาทางก้าวหน้าเรียนต่อปริญญาโทสาขาบริหารรัฐกิจ จากสหรัฐอเมริกา ศึกษาเพิ่มเติมหลักสูตรการสอบสวนเหตุระเบิดและหลักสูตร เอฟบีไอ.เส้นทางรับราชการส่วนใหญ่อยู่ในกองบัญชาการตำรวจนครบาล ถือเป็นลูกหม้อคนหนึ่งและด้วยอุปนิสัยที่สุขุมรุ่มลึก พูดน้อย กับอ่อนน้อมถ่อมตน มีจิตใจนักเลงแถมยังกล้าได้กล้าเสียจนเป็นที่เข้าตาถูกใจนายตำรวจรุ่นพี่ๆและในระดับผู้บังคับบัญชาเขาจึงได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
จนมาถึงยุค “ได้เสีย”นั่นคือสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดความวุ่นวายตั้งแต่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการเลือกตั้งเมื่อปีพ.ศ.2549 และได้เป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งในขณะนั้นพล.ต.ท.จักรทิพย์ ก็ได้รับความไว้วางใจเลื่อนชั้นจากตำแหน่งรอง ผบก.จ.สมุทรสงคราม เป็นเป็น ผบก.สตม.ประจำสนามบินสุวรรณภูมิ ดังปรากฏหลักฐานในการสัมภาษณ์นิตยสารฉบับหนึ่งโดยเปรียบตัวเองว่าเป็นนักกีฬามีรัฐบาลเป็นโค้ช เมื่อโค้ชสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตามนั้นและเมื่อหมดเวลาเขาสั่งให้ออกจากสนามก็ต้องออก
“ผมเคยทำงานกับท่านทักษิณ มาก่อนรวมทั้งท่านนายกฯอภิสิทธิ์ ด้วยมาถึงสมัยคุณยิ่งลักษณ์ ก็ยังทำหน้าที่แต่ไม่รู้จะอยู่ได้แค่ไหน”พล.ต.ท.จักรทิพย์ กล่าวในตอนหนึ่ง
เมื่อย้อนกลับไปยังเหตุการณ์การเมืองช่วงปี 2551 อันเป็นยุครัฐบาล “นอมินี”เป็นช่วงที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรีซึ้งในขณะนั้น พล.ต.ท.จักรทิพย์ รับตำแหน่งเป็นผบก.สปพ.(191)มีพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ เป็นผบ.ตร. พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้วเป็นผบช.น. รัฐบาลถูกต่อต้านจากพันธมิตรและประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอย่างกว้างขวางจนเกิดเหตุการณ์ถึงขั้นเสียเลือดเนื้อ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้แก๊สน้ำตากระหน่ำยิงใส่ประชาชนอย่างไม่ยั้งเป็นผลให้ “น้องโบว์”น.ส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ ถูกกระสุนแก๊สน้ำตาเข้าที่อกเสียชีวิตและยังมีผู้ร่วมอุดมการณ์ล้มตายอีกนับสิบ
ในช่วงนั้นพล.ต.ท.จักรทิพย์ ขยับขึ้นมาเป็นรองผบช.น.โดยมีพล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพรหมณกุล(ยศในขณะนั้น)เข้ามาทำหน้าที่แทนซึ่งหากพอจำกันได้มีภาพพล.ต.ท.จักรทิพย์ กำลังเข้าช่วยเหลือเหยื่อที่โดนระเบิดขาขาดด้วยการถอดเสื้อช่วยมัดห้ามเลือดให้ ต่อมาผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรมได้ตั้งฉายาให้เป็น “สุภาพบุรุษแก๊สน้ำตา”
นั่นคือจุดเริ่มต้นต่อการก้าวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดของนายตำรวจผู้นี้อย่างแท้จริง ลองติดตามต่อไปว่าแท้จริงตัวตนของนายตำรวจผู้นี้เขาซ่อนอะไรอยู่ เป็นนักกีฬาทำตามคำสั่งโค้ชอย่างนั้น หรืออ่านเกมใช้ความพริ้วพลิกเข้าหาขั้วอำนาจเพื่อชิงความก้าวหน้า ในห้วงการเปลี่ยนผ่านอำนาจ จากรัฐบาลนายสมชาย มาเป็นรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ เข้ามารักษาการณ์แทนพล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ซึ่งโดนแรงกดดันจากการออกคำสั่งสลายม็อบ พร้อมๆกับการขยับขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงกว่าของพล.ต.ท.จักรทิพย์ โดยได้รับการเสนอชื่อจากพล.ต.อ.ประทีป ให้เป็นผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และปี 2553 ขึ้นมาเป็น “ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล”สืบต่อจากพล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์
นับเป็นจังหวะชีวิตที่สู่ความรุ่งโรจน์อย่างแท้จริง ทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียงและกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์ไปด้วยก็คือบรรดาเพื่อนฝูงนักเรียนนายร้อยตำรวจร่วมรุ่น 36 และยังรวมไปถึงสายพ่อค้านักธุรกิจอันมีทั้ง “สีขาว สีเทา” ซึ่งถือว่าเป็นธรรมดาของตำรวจที่สั่งสมบารมีมานานว่ากันว่าบรรดาเจ้าพ่อเจ้าแม่หรือกลุ่มแก๊งมาเฟียต่างๆล้วนสยบอย่างราบคาบ
จนเข้าสู่ยุค “คืนอำนาจ”ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เมื่อยุบสภาฯเข้าสู่โหมตการเลือกตั้งจนได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะรองนายกฯดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ออกมาแฉอภิมหาบ่อนแห่งหนึ่งในนามบ่อนพระราม 9 พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ในฐานะผู้รับผิดชอบและมีภาพชัดว่าอยู่เคียงข้างพรรคประชาธิปัตย์ จึงถูกบีบและย้ายไปเป็น ผบช.ภ.9 มีพล.ต.ท.วินัย ทองสอง หลานเขยพ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นมารับตำแหน่ง น.1 แทน
ในระหว่างการบริหารงานของรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”สังคมตำรวจมองว่าพล.ต.ท.จักรทิพย์ คงไปไม่ถึงดวงดวงเพราะมองไม่เห็นทางเลยว่าพรรคประชาธิปัตย์ จะกลับมาสู่อำนาจได้อีก ในระหว่างนั้นมีข่าวเช่นกันว่าพล.ต.ท.จักรทิพย์ มิได้อยู่งอมืองอเท้ายอมรับชะตากรรมอยู่เฉยๆ
กระแสหนึ่งระบุว่าเขาได้เดินทางไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ดูไบโดยผ่านไปทางตำรวจยศพ.ต.อ. เจ้าของฉายา “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ”เจ้าของสโลแกน “ได้ครับพี่...ดีครับผม...เหมาะสมครับท่าน” ซึ่งเป็นบุตรชายของคนใก้ลชิดพล.ต.อ.เสมอ ดามาพงษ์ พ่อตาอดีตนายกรัฐมนตรีถึง 2 ครั้งสองโดยเที่ยวแรกพ.ต.ท.ทักษิณ ปฏิเสธให้พบแต่เที่ยวสุดท้ายสามารถเข้าไปเคลียร์ปัญหาคาใจกันได้
เวลาต่อมาในการแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี 2555 ก็ได้เลื่อนมาเป็นผู้ช่วยผบ.ตร.ท่ามกลางความงุนงงของบุคคลในแวดวงสีกากี เพราะสภาพการณ์ที่เกิดขึ้นพล.ต.ท.จักรทิพย์ ไม่น่าจะรอดจากการถูกดองเค็มไปได้
เมื่อการเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงสู่เครือข่าย “ทักษิณ”เต็มรูปแบบอีกครั้งอีกครั้ง ข่าวคราวของพล.ต.ท.จักรทิพย์ ค่อยๆหายไปแต่หายไปเพียง “ชื่อ”ส่วน “ชั้น”ยังไม่ลดเพดานบินแม้แต่น้อย ยังคง“จ่อคิว”พร้อมเข้าช่วงชิงตำแหน่งสูงสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ทุกขณะ ขอ เพียงแค่ได้รับการสนับสนุนอีกครั้งให้เป็นระดับ รองผบ.ตร.การก้าวสู่ดวงดาวในตำแหน่ง ผบ.ตร.โดยไม่ยากเย็นพล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา โผล่มาอีกครั้งเมื่อตอนปลายรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์”เช่นการมอบหมายจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะ ผอ.ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.)ให้เป็นหัวหน้าชุดเจรจาขอคืนพื้นที่กระทรวงมหาดไทยจาก กปปส.
หลังวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะทหารยึดอำนาจ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่รักษาการณ์ ผบช.น.แทนพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง และพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคงได้ออกคำสั่งให้พล.ต.ท.จักรทิพย์ จัดชุดเฉพาะกิจตามล่าพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีต สส.พรรคเพื่อไทย เป็นการประเดิม
การแต่งตั้งโยกยายนายตำรวจประจำปีที่ผ่านมาเขาได้รับการสนับสนุนจากพี่ๆทั้งสายทหาร สายตำรวจอีกทั้งปีกการเมืองสายบุรีรัมย์อันเป็นต้นตำรับกลุ่ม “สีน้ำเงิน”ก้าวขึ้นมาเป็น รองผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง และบริหาร 1
ทำท่าจะสืบต่อเป็น ผบ.ตร.อันดับที่ 11 ในปีหน้า...โดยใครก็ขวางไม่อยู่ เพราะเขาเป็นน้องรัก “พี่ป้อม-พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ”ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคนี้