สน.พระอาทิตย์
การจัดทัพปรับทิศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในยุค “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ทำหน้าที่รักษาการแม่ทัพใหญ่สีกากี และมี “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จ่อเข้ามารับไม้ต่อเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ชัดเจนว่าเป็นเพียง “สมบัติผลัดกันชม” มากกว่าต้องการพัฒนาปฏิรูปตำรวจให้เป็นที่พึ่งของประชาชน อย่างที่ผู้คนในสังคมต่างเรียกร้องและต้องการ
เห็นได้จากการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับนายพลทั้งล็อตใหญ่และล็อตเล็ก ที่เกิดขึ้นแต่ละรายชื่อแต่ละตำแหน่งที่ปรากฏออกมา ล้วนเป็นการล้างบางตำรวจที่ใกล้ชิดขั้วอำนาจเก่า และนำนายตำรวจที่อยู่ในขั้วของตัวเองเข้าไปแทนที่ ...ชนิดล้างท่อเกลี้ยงไม่เหลือซาก โดยไม่ได้มีการพิจารณาว่านายตำรวจคนไหนมีความรู้ ความสามารถ และมีผลงานเพียงพอที่ควรเก็บไว้ทำประโยชน์เพื่อประชาชนและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ในการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับ รองผู้บัญชาการ (รอง ผบช.)-ผู้บังคับการ (ผบก.) ประจำปี 2557 ที่วงประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ประชุมในวันที่ 29 ก.ย. 2557 ตรวจแถวรายชื่อแต่ละตำแหน่งที่แพลมออกมา ตำรวจที่ถูกเด้งเข้ากรุส่วนใหญ่เป็นตำรวจใกล้ชิดรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และระบอบทักษิณ ขณะที่ตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งไปนั่งเก้าอี้สำคัญๆ ล้วนมีความสายสัมพันธ์ใกล้ชิดขั้วอำนาจใหม่ ที่มีบทบาทอยู่ในรั้ว “ปทุมวัน” ยามนี้
ไม่ว่าจะเป็นตำรวจสาย “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชาย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร หรือสาย “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล สาย “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ หรือสาย “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่ได้รับการสนับสนุนจากขุนทหาร และสาย “บิ๊กปู” พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ว่าที่ ผบช.น. ลูกน้องใกล้ชิด พล.ต.อ.พัชรวาท
เฉพาะกองบัญชาการระดับเกรดเอ อย่างกองบัญชาการตำรวจนครบาล หรือ บช.น. ที่มีบิ๊กแจ๊ด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เป็น ผบช.น.ซึ่งประกาศตัวชัดเจน มีวันนี้เพราะพี่ให้ ถูกจัดใหม่ในการแต่งตั้งระดับรอง ผบช.-ผบก.ครั้งนี้ ถูกล้างบ้างเกลี้ยงท่อแทบทุกเก้าอี้
พล.ต.ต.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบช.น. ไปเป็น รองจเรตำรวจ พล.ต.ต.สุธีร์ เนรกัณฐิ รอง ผบช.น. ก็เข้ากรุ รองจเรตำรวจ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ รอง ผบช.น. ดีหน่อยได้กลับถิ่นเก่าไปเป็น รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 โดนโยกเป็น ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.น.2 ไปเป็น ผบก.ภ.จ.สมุทรสงคราม พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ผบก.น.3 เป็น ผบก.ภ.จ.มหาสารคราม พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 เป็น ผบก.กองการตรวจ (กต.) 2 พล.ต.ต.วัลลภ ปทุมเมือง ผบก.น.6 เป็น ผบก.โยธาฯ (ยธ.)
พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบก.น.7 ไปเป็น ผบก.วิจัย (วจ.) พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.8 ได้อาวุโส 33% ขยับขึ้น รองผบช. แต่ก็ได้เพียง รอง ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ต.ชยุต รัตนอุบล ผบก.น.9 มาเป็น ผบก.(สันติบาล) ส.4 พล.ต.ต.อดุลย์ รัตนภิรมย์ ผบก.อก.บช.น. หัวหน้าสำนักงาน “บิ๊กแจ๊ด” ออกไปเป็น ผบก.ประจำภาค 1 พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ ผบก.สปพ. (191) โดนเตะไปเป็น ผบก.ประจำ บช.ก.
จากนั้นก็นำตำรวจที่ใกล้ชิดขั้วอำนาจปัจจุบันมาแทนที่ ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบช.สยศ.ตร. รักษาการ ผบก.ศูนย์สืบสวน บช.น. ซึ่งพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ ผบ.ตร. ส่งลงไปคลี่คลายคดีฆาตกรรมสองนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ โยกกลับมาเป็น รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ทวิชชาติ พละศักดิ์ รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร รอง ผบช.สพฐ. พล.ต.ต.เฉลิพันธุ์ อจลบุญ รองจเรตำรวจ พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบก.อก.บช.ภ.1 เป็น รอง ผบช.น.
พล.ต.ต.พงษ์พันธุ์ วรรณภักตร. ผบก.อก.บช.ก. นรต.35 เพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ว่าที่ ผบช.น. เป็น ผบก.น.1 พ.ต.อ.ก่อเกียรติ วงศ์เมธ รอง ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา เป็น ผบก.น.2 พ.ต.อ.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบก.ปทส. สายพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผบ.ตร. เป็น ผบก.น.3 พล.ต.ต.ปิยะพันธุ์ ปิงเมือง ผบก.อก.บช.ปส. เป็น ผบก.น.4 พ.ต.อ.ชวลิต ประสพศิลป รอง ผบก.น.7 เป็น ผบก.น.5 พ.ต.อ.วิสูตร ฉัตรชัยเดช รอง ผบก.จ.ปทุมธานี เป็น ผบก.น.6 พ.ต.อ.มานิตย์ จันทรคณา รอง ผบก.สส.ภ.1 เป็น ผบก.น.7 พ.ต.อ.ฤชากร จรเจนวุฒิ รอง ผบก.น.6 เป็น ผบก.น.8 พล.ต.ต.ชัชวาลย์ วชิรปาณีกูล ผบก.ภ.จ.อุทัยธานี เป็น ผบก.น.9
พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา รอง ผบก.สส.ภ.1 นรต.35 เป็น ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.อภิสิทธิ์ เมืองเกษม รอง ผบก.น.5 เป็น ผบก.จร. ขยับ พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบก.จร. สายพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ไปเป็น ผบก.รฟ. พ.ต.อ.ภานุรัตน์ หลักบุญ รอง ผบก.สปพ. อดีตนายเวร พล.ต.อ.พัชรวาท เป็น ผบก.สปพ.(191)
ต้องยอมรับ ถ้าวางเรื่องความสัมพันธ์สีเสื้อและกลุ่มการเมืองออกไป ผู้การฯหลายคนที่โดนเด้งก็มีผลงานเพื่อประชาชนเป็นที่น่าพอใจ แต่ผลงานเหล่านี้ก็ไม่ได้รับการพิจารณาให้ได้อยู่ทำงานต่อไป กลุ่มผู้มีอำนาจเลือกที่จะล้างบางทั้งหมด ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วตำรวจส่วนใหญ่ต่างก็เคยวิ่งเข้าหาคนในพรรคเพื่อไทย คนในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หรือกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งบินไปพบอดีตนายกฯทักษิณในต่างประเทศ ซึ่งตำรวจที่ได้รับการแต่งตั้งไปนั่งเก้าอี้ในนครบาลครั้งนี้ บางคนก็เคยวิ่งไปตามก้นกลุ่มการเมืองเหล่านี้ด้วย /strong>
เช่นเดียวกับการแต่งตั้งโยกย้ายระดับ ผบช.ก่อนหน้านี้ ที่มีการล้างบาง ผบช.ภาค 1-9 และผบช.น.ทั้งหมด ก็ก้มหน้าก้มตาสกัดคนที่คิดว่าอยู่อีกฝั่งตรงข้าม จนไม่ได้ดูที่ผลงานหรือความสามารถในการทำงาน โดยเฉพาะในรายของ “บิ๊กใหม่” พล.ต.ต.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. โดนเปลี่ยนตัวแบบฟ้าผ่าก่อนการประชุม ก.ตร.เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง จากที่ถูกวางตัวไว้เป็น ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ผบช.ศชต.) ต้องไปเป็น จเรตำรวจ และสลับให้ พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ จเรตำรวจ (สบ 8) มาเป็น ผบช.ศชต. แทน
ทั้งที่หากวัดจากผลงาน พล.ต.ต.สุชาติ ที่ลงไปช่วยราชการ ศชต. นำลูกน้องออกติดตามจับกุมกลุ่มผู้ก่อนความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชนิดต้องสุ่มเสี่ยงกระสุนปืน สุ่มเสี่ยงดงระเบิดเกือบทุกวัน แต่แค่เพียง พล.ต.ต.สุชาติได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ขึ้นมากรุงเทพฯ ดูเรื่องม็อบที่ชุมนุม ผลงานในพื้นที่ภาคใต้ที่สร้างไว้ก็มลายสูญ ถูกป้ายสีแดงเข้าเต็มตัว จนพื้นที่ด้ามขวานทองต้องขาดกำลังหลักในการดับไฟใต้ไปอีกราย
การหลับหูหลับตา ใช้วิธีเลือกพรรคเลือกพวก ไม่สนใจผลการทำงาน กำลังสร้างความระส่ำระสายให้กับ “ตำรวจ” คนทำงาน โดยเฉพาะเหล่ารอง ผบก.-ผกก. รวมทั้งรอง ผกก.-สว. ที่จะต้องจัดทำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายในลำดับต่อไป ไม่เป็นอันทำงานแล้ว
เพราะต่างตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเข้าสังกัดฟาร์มโชคชัย 4 ให้ได้