สน.พระอาทิตย์
จากนี้ต่อไปเหลือเพียงแค่พิสูจน์ผลงานสีกากียุค “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กุมบังเหียนทัพตำรวจว่าเข้ามาทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง หรือแค่สมบัติผลัดกันชมเท่านั้น
ไม่มีพลิกมีแต่ล็อก(อีกครั้ง) การแต่งตั้ง “นายพลสีกากี” ระดับ พล.ต.อ.-พล.ต.ท. ตำแหน่ง “รอง ผบ.ตร.-ผบช.” ประจำปี 2557 จำนวน 57 เก้าอี้ ที่เพิ่งผ่านตราประทับคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นั่งหัวโต๊ะประธานเมื่อวันศุกร์ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา
ทุกตำแหน่งผ่านฉลุย ตามคำยืนยันจาก “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาการแม่ทัพใหญ่สีกากี ผู้ทำหน้าที่เสนอบัญชีรายชื่อการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจปีนี้ ให้ที่ประชุม ก.ตร.พิจารณา แทน “บิ๊กอู๋” พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ที่ถูกคำสั่งพ้นตำแหน่งไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และได้รับการปลอบใจในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและคามมั่นคงของมนุษย์
“ที่ประชุม ก.ตร.มีมติเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจอย่างเป็นแอกฉันท์ในทุกตำแหน่ง โดยไม่มีการโหวต มีการปรับบางตำแหน่งเพื่อความเหมาะสม ซึ่งการแต่งตั้งครั้งนี้ไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองและทหาร ทุกตำแหน่งพิจารณาตามลำดับอาวุโส ความรู้ความสามารถ และประสบการณ์ ไม่มีการยกเว้นหลักเกณฑ์การแต่งตั้งให้กับตำแหน่งใด”
ตรวจแถวรายชื่อแต่ละเก้าอี้ในการแต่งตั้ง “นายพลสีกากี” ครั้งนี้ ตำรวจที่ใกล้ชิดขั้วอำนาจเก่าสายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ หรือระบอบทักษิณ ต่างถูกล้างกระดานเหี้ยนไม่เหลือตอ โดยเฉพาะตำแหน่ง “ผู้บัญชาการภาค” ที่ถือเป็นหน่วยกำลังในแต่ละพื้นที่ โดนเก็บเข้ากรุทั้งหมด
พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.2 อาวุโส ดันขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา ผบช.ภ.3 เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 เกษียณราชการ พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. ตามอาวุโส พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 ติดกลุ่มอาวุโสโดนดันขึ้น รองจเรตำรวจแห่งชาติ
พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภ.8 อาวุโส ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.พิสิทธิ์ พิสุทธิศักดิ์ ผบช.ภ.9 โยกมาเป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เกษียณราชการ พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม.อาวุโส ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอกนกเวียง ผบช.ส.อาวุโส ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง ผบช.ปส.เป็น ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.
ไฮไลต์สำคัญชนิดแหวกโผ แหวกธรรมเนียมปฏิบัติ คือ การขยับ “บิ๊กนัย” พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วย ผบ.ตร. หลานเขยคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพ็ชร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดนโยกมาเป็นรองจเรตำรวจแห่งชาติ ตำแหน่งเทียบเท่าผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งไม่เคยปรากฏในกรมปทุมวันที่จะขยับผู้ช่วย ผบ.ตร.มาเป็นรองจเรตำรวจแห่งชาติ ส่วนใหญ่จะโยกจากรองจเรตำรวจแห่งชาติมาเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.ซึ่งเป็นตำแหน่งหลักมากกว่า
ขณะที่กลุ่มตำรวจใกล้ชิดขั้วอำนาจปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นสาย “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล, สาย “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ว่าที่ ผบ.ตร., สาย “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร, สาย “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร.น้องชายบิ๊กป้อม ได้ดิบได้ดีในตำแหน่งสำคัญถ้วนหน้า
พล.ต.ต.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกล รอง ผบช.ก. นรต.35 สาย พล.ต.อ.พัชรวาท ขึ้น ผบช.น. พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ. นรต.31 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.สมยศ นั่ง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธเนตร์ พิณเมืองงาม รอง ผบช.ภ.2 สายตรงท็อปบูต เป็น ผบช.ภ.2 พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร. นรต.31 เพื่อนสนิท พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม โยกมาอยู่ ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.บุญเลิศ ใจประดิษฐ์ รอง ผบช.ภ.4 นรต.31 เป็น ผบช.ภ.4 พล.ต.ต.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ภ.5 นรต.34 ลูกชาย พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อดีต อ.ตร. เป็น ผบช.ภ.5
พล.ต.ท.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม ผบช.สกพ. นรต.34 เป็น ผบช.ภ.6 พล.ต.ต.วีระพงษ์ ชื่นภักดี รอง ผบช.ภ.4 นรต.33 สายพล.ต.อ.พัชรวาท เป็น ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.เดชา บุตรน้ำเพชร รอง ผบช.ก. นรต.35 ใกล้ชิดแกนนำ กปปส. เป็น ผบช.ภ.8 พล.ต.ต.มนตรี โปรตะนันท์ รอง ผบช.สตม. นรต.29 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.วัชรพล เป็น ผบช.ภ.9 พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ จเรตำรวจ สายรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม เป็น ผบช.ศชต.
พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี จรตำรวจ นรต.36 อดีตนายเวร พล.ต.อ.พัชรวาท เป็น ผบช.สตม. พล.ต.ต.เรวัช กลิ่นเกสร รองจเรตำรวจ มือทำงานสายทหาร เป็น ผบช.ปส. พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบช.ก. นรต.36 สาย พล.ต.อ.สมยศ เป็น ผบช.ส.
แต่เก้าอี้ที่น่าสนใจ นอกเหนือจาก “ผบช.น.” ที่คุมพื้นที่เมืองหลวง รวมทั้ง ผบช.ภาคต่างๆ แล้ว โฟกัสที่ไม่ควรมองข้าม คือ การวางตัว “บิ๊กช้าง” พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย รอง ผบช.ก. มือทำงานใกล้ชิด พล.ต.อ.สมยศ เข้ามาคุมงานข่าว งานความมั่นคง ในตำแหน่ง “ผบช.ส.” หรือ “ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล”
ด้วยชื่อตำแหน่ง “ผบช.สันติบาล” อาจจะดูเป็นรอง ผบช.น. หรือ ผบช.ภ.1-9 แต่ถ้าดูเนื้องานและความสำคัญจริงๆ เก้าอี้ ผบช.ส.เป็นตำแหน่งที่ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะหากย้อนไปดูในยุคเก่าๆ จะเห็นว่า ผบช.ส.เกือบทุกรายจะเป็นตำรวจที่ ผบ.ตร.ไว้วางใจ
เหมือนสมัย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว มาเป็น ผบ.ตร. ก็นำ “บิ๊กโก้” พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย อเนกเวียง อดีตนักสืบมือดีในนครบาล ที่ดึงไปช่วยงานดับไฟใต้มาเป็น ผบช.ส.เพื่อคุมงานข่าว งานความมั่นคงให้ตัวเอง เช่นเดียวกับครั้งนี้ พล.ต.อ.สมยศก็เลือกจะใช้ พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ อดีตนักสืบสายเหยี่ยวมาทำงานสายพิราบ
บทบาทสันติบาลถือว่าแต่ละงานไม่ธรรมดา โดยเฉพาะงานการข่าวกรองบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ งานรักษาความปลอดภัยของบุคคลสำคัญและสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศและบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง รวมทั้งยังมี “งบลับ” ที่สามารถนำมาใช้ทำงานได้โดยไม่ต้องชี้แจง เพียงขออนุมติจาก ผบ.ตร.
พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ จัดว่าเป็นตำรวจที่อยู่ในทำเนียบนักสืบมือดีคนหนึ่งในแวดวงสีกากี เคยเป็นอดีตลูกหม้อกองปราบปราม ผ่านงานสำคัญของประเทศมาอย่างโชกโชน และเป็นมือทำงานใกล้ชิด พล.ต.อ.สมยศ รวมทั้งคุ้นเคยกับ “เนวิน ชิดชอบ” นักการเมืองใหญ่แห่งบุรีรัมย์ ดังนั้นเรื่องความเชี่ยวในการทำงานทั้งบนดินและใต้ดินไม่มีข้อสงสัย
จากนี้ต่อไปเหลือเพียงแค่พิสูจน์ผลงานสีกากียุค “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กุมบังเหียนทัพตำรวจว่าเข้ามาทำงานเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง หรือแค่สมบัติผลัดกันชมเท่านั้น