ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ผู้การโคราชเผยตำรวจยังตามแกะรอยคนร้ายบุกจี้ร้านทอง 3 ล้านลอยนวล ไม่ลดละ ล่าสุดเสนอของบ 142 ล้านติดตั้งกล้องวงจรปิดทั่วโคราชเพื่อง่ายต่อการติดตามคนร้ายและแก้ปัญหาจราจร ด้าน “รรท.ผบช.ภ.3” เผยสอบสวนหลายมิติ ชี้คนร้ายเชี่ยวชาญก่อเหตุบุกจี้สายฟ้าแลบ เชื่ออาจเป็นคนมีสีในเครื่องแบบลงมือ ขอเวลาตำรวจทำงานอาจใช้เวลาเป็นปี
วันนี้ (24 มิ.ย.) พล.ต.ต.พงษ์เดช พรหมมิจิตร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าคดีคนร้ายควงปืนบุกจี้ร้านทอง ไท้เลงฮ้ง ตราช้าง 4 ถนนราชดำเนิน เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ได้ทองคำรูปพรรณไปน้ำหนักรวม 146 บาท มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมา ว่า ล่าสุดชุดสืบสวนยังคงติดตามแกะรอยคนร้ายจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ได้มาเพิ่มเติม และลงพื้นที่หาข่าวอย่างละเอียด
ขณะนี้คดีมีความคืบหน้าไปมาก และต้องขอเวลาให้ตำรวจทำงานอีกสักระยะเพราะคนร้ายค่อนข้างเป็นมืออาชีพและมีความเชี่ยวชาญในการก่อเหตุ ยืนยันว่าตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจในคดีดังกล่าวแต่อย่างใด ซึ่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในการป้องกันการก่อเหตุนั้น ตำรวจได้ปรับแผนการออกตรวจของสายตรวจให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการก่อเหตุซ้ำซ้อน และในระยะยาวได้เสนอแผนติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ทั่วทั้งจังหวัดนครราชสีมาเพื่อประโยชน์ในการติดตามคนร้ายและแก้ไขปัญหาด้านการจราจร
โดยเสนอของบประมาณไปยังจังหวัดนครราชสีมาจำนวน 142 ล้านบาท ดำเนินการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดทั้งหมด 416 ตัว ซึ่งทางจังหวัดได้เห็นชอบและตั้งงบประมาณปี 2558 จำนวน 4 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในการปรับปรุงศูนย์ควบคุมที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา
ส่วนกล้องโทรทัศน์วงจรปิดจะขอความร่วมมือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการช่วยกันหางบประมาณมาจัดซื้อและติดตั้งต่อไป หากมีกล้องวงจรปิดและระบบควบคุมที่ได้มาตรฐานจะสามารถแก้ปัญหาการจราจร และช่วยในการติดตามตัวคนร้ายได้มาก
ด้าน พล.ต.ท.พิสัณห์ จุลดิลก รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (รรท.ผบช.ภ.3) เปิดเผยถึงเรื่องเดียวกันว่า ทาง ผบก.ภ.จว.นครราชสีมาและทีมชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3, ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และชุดสืบสวนท้องที่ กำลังติดตามสืบสวนคดีคนร้ายบุกจี้ร้านทองกลางเมืองโคราชอย่างไม่ลดละในหลายมิติ ทั้งการประกาศตำหนิรูปพรรณของกลางไปตามร้านทองต่างๆ ให้รับทราบว่า หากมีตำหนิรูปพรรณของทองประเภทนี้เข้ามาจำนำหรือขายจะต้องแจ้งเข้ามา เจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เข้าดำเนินการ
ในส่วนของการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไล่ดูกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในบริเวณที่เกิดเหตุ ย้อนหลังก่อนเกิดเหตุ 1 สัปดาห์ ซึ่งคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุต้องมีการเตรียมการมาอย่างดี เชื่อว่าเป็นมืออาชีพเพราะดูจากการลงมือปฏิบัติการที่รวดเร็วมาก และลักษณะการยืนบนตู้กระจกนั้นเหมือนเตรียมการมาอย่างดี เพราะหากใช้เท้าเหยียบตรงกลางตู้กระจกจะแตกง่าย
แต่คนร้ายกระโดดขึ้นยืนตรงขอบมุมตู้กระจกจุดที่แน่นหนาและแข็งแรงรองรับน้ำหนักได้มาก และการหยิบฉวยเอาทองรูปพรรณรวบใส่กระเป๋าแล้วปิดมิดชิดทำได้อย่างรวดเร็วมาก เหมือนกับมีความชำนาญหรืออาจเป็นคนมีสีในเครื่องแบบ เช่น ตำรวจ ทหาร
“คดีนี้ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังติดตามอย่างใกล้ชิดไม่ได้ละทิ้ง และอยากจับคนร้ายให้ได้เร็วๆ ซึ่งคดีลักษณะนี้อาจต้องใช้เวลาในการติดตามจับกุมคนร้าย บางคดีอาจใช้เวลานานนับปีถึงจะตามเบาะแสได้” พล.ต.ท.พิสัณห์กล่าว