xs
xsm
sm
md
lg

“ปวีณา” นัด “รองเอก” ถกเอเยนต์ล่าตัวแม่อุ้มบุญไปทำคลอดต่างประเทศ ส่ง ตร.คุกคาม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


แม่อุ้มบุญวิ่งโร่! ร้องปวีณา เกรงได้รับอันตรายหลังเปลี่ยนใจยกเลิกสัญญาเอเยนต์ กลับถูกบังคับให้เดินทางไปทำคลอดที่ต่างประเทศ ซ้ำมีนายตำรวจร่วมขบวนการติดตาม คุกคาม ข่มขู่ นัดถก “รองเอก” วันนี้

สืบเนื่องจากช่วงบ่ายวันที่ 30 ส.ค. ที่ผ่านมา นายแก้ว (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี ได้ พา น.ส.ออน (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ภรรยา เข้าพบ นางปวีณา หงสกุล ประธาน มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เพื่อขอให้ช่วยเหลือภรรยาของตนด้วย เพื่อให้ได้อยู่ในที่ปลอดภัย เนื่องจากถูกเอเยนต์ จ้างอุ้มบุญชาวต่างชาติตามล่าตัว และบังคับให้ไปทำคลอดที่ต่างประเทศ โดยจ้างคนออกติดตามตัวภรรยาของตนไปทุกหนทุกแห่ง

นายแก้ว (นามสมมติ) กล่าวว่า ตน และ น.ส.ออน (นามสมมติ) ภรรยาอาศัยอยู่กินกันมา 13 ปี ไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน 1 คน เป็นชาย ปัจจุบันอายุ 11 ปี ต่อมาเมื่อเดือนกลางเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ตนทราบว่าภรรยาได้ตั้งครรภ์ จนอายุครรภ์ได้ 5 เดือน ตนเห็นผิดสังเกตและสงสัยว่า เวลาที่ภรรยาไปพบหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง มักจะมีฝรั่งมาคอยดูแล เมื่อกลับมาถึงบ้านตนจึงได้สอบถามจากภรรยา จนทราบว่า ภรรยาตนรับจ้างอุ้มบุญ หลังจากนั้นก็มีข่าวครึกโครม เกี่ยวกับหญิงไทยที่รับจ้างอุ้มบุญกับชาวญี่ปุ่น ถึงรู้ว่าสิ่งที่ทำนั้นไม่ถูกต้อง จึงได้ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ขณะที่นายหน้าชายชาวต่างชาติ และผู้หญิงไทย มาติดตามตัวภรรยาของตนที่ห้องเช่าใน กทม. เพื่อจะพาภรรยาตนไปทำคลอดที่ต่างประเทศ ตนจึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย จึงได้ให้ภรรยาไปอาศัยอยู่ที่ต่างจังหวัดกับญาติ ภายหลังตนทราบข่าวว่า มีเอเยนต์ ไปติดตามหาตัวภรรยา ที่ห้องเช่าที่ตนพักอยู่ และที่ต่างจังหวัด ตนจึงได้โทรศัพท์ไปแจ้งภรรยาให้ทราบ และได้ย้ายไปอาศัยอยู่บ้านญาติอีกหลัง แต่ทางเอเยนต์ก็ยังจ้างคนให้ติดตามภรรยาตนอีก และยังได้ข่มขู่ตนและภรรยา ว่า หากไปคลอดที่ไหนก็ะจะตามไปเอาเรื่อง และเอาเด็กด้วย จนกระทั่งภรรยาตนไปตรวจครรภ์ที่ รพ.ต่างจังหวัด ขณะตรวจอยู่นั้นได้มีเอเยนต์ มาติดตามตัวภรรยาตนอีก จนภรรยาตนต้องหาทางหลบหนีออกทางด้านหลังรพ.อย่างทุลักทุเล เพราะต้องฝ่าทุ่งหญ้า โคลนตมหลบอยู่เกือบเวลา 2 ซม. เพื่อขึ้นรถโดยสารไปอีกจังหวัดหนึ่งรอให้ตนไปรับ และมีอาการหวาดกลัวมาก ตนเกรงว่าภรรยาจะไม่ปลอดภัยจึงตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือจากนางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ขอให้รับตัว น.ส.ออน ภรรยาของตนเข้าอยู่ในความดูแลเพื่อให้ความปลอดภัย

หลังจากที่ตนฝากภรรยาอยู่กับนางปวีณาแล้ว ตนเองได้กลับมาทำงานและพักที่ห้องเช่าเหมือนเดิม ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีชาย 3 คน อ้างตัวเป็นนายตำรวจมาหาและอ้างว่า “มีผู้ใหญ่ สั่งมา” และบังคับให้ตนนำตัวภรรยาไปพบเอเย่นต์โดยด่วน ตนตกใจมากรีบโทรศัพท์มาโทรแจ้งให้นางปวีณาทราบทันที

จากนั้น นางปวีณา จึงได้รีบประสาน พ.ต.อ.สมบัติ หงษ์ทอง ผกก.สน.โคกคราม ให้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เดินทางไปพบนายแก้ว ที่ห้องเช่าทันทีเนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย และพา นายแก้ว มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.โคกคราม เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าชายทั้ง 3 คนนั้นที่มาตามนายแก้วและภรรยา เป็นนายตำรวจจริง

ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ก.ย. นางปวีณา หงสกุล ประธาน “มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี” (องค์กรสาธารณประโยชน์) ได้ประสาน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. และนัดหมายหารือในวันที่ 10 ก.ย. นี้ เวลา 14.00 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อหามาตรการช่วยเหลือ ให้ความปลอดภัยกับนายแก้วและภรรยา ที่รับอุ้มบุญนี้ด้วย พร้อมกับดำเนินคดีกับเอเยนต์ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายตำรวจทั้ง 3 นาย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อไป

โดย น.ส.ออน (นามสมมติ) เล่าว่า เมื่อประมาณเดือนมีนาคม 2557 มีเพื่อนชื่อ น.ส.เอ และ น.ส.ก้อย ที่จะเดินทางไปสมัครรับจ้างอุ้มบุญ จึงได้ขอให้ตนช่วยขับรถพาไป โดย น.ส.ก้อย เป็นคนบอกทาง เมื่อไปถึงสถานที่สมัครรับจ้างอุ้มบุญ แห่งหนึ่งใน กทม. ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ได้ยื่นใบสมัครให้กับ น.ส.เอ กับ น.ส.ก้อย กรอกข้อมูลใบสมัคร ภายหลังได้มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทดังกล่าว ได้ติดต่อมาหาตน และแจ้งว่า น.ส.เอ และ น.ส.ก้อย ตรวจสุขภาพแล้วไม่ผ่าน เจ้าหน้าที่จึงได้นัดให้ตนไปเจอ และพาไปพบ น.ส.กิ๊ก จากนั้น น.ส.กิ๊ก ก็ได้พาตนไปตรวจสุขภาพที่คลินิกแห่งหนึ่ง ย่านถนนวิทยุ เมื่อแพทย์ตรวจสุขภาพตนแล้ว ก็ได้นัดให้ไปใส่ตัวอ่อน ประมาณวันที่ 6 เมษายน 2557 เมื่อไปถึง ก็ได้พบกับ คนชื่อ หวาน จากนั้น คนชื่อ หวาน ก็ได้พาตนไปพบกับทางบริษัท ตัวแทน ซึ่งมีผู้แทน ชื่อ นายวิคเตอร์ พร้อมกับให้เซ็นเอกสาร สัญญาว่าจ้าง โดย คนชื่อหวาน เป็นล่ามให้กับ นายวิคเตอร์ จากนั้นก็ คนชื่อ หวาน ก็ได้พาตนไปพบกับชาวจีน ชื่อ เจียรลี่ ก็ได้พูดคุยกับตนว่า หลังจากใส่ตัวอ่อนแล้ว ให้ตนไปพักอาศัยอยู่กับพวกเขา แต่ตนขอไว้ เพราะเป็นห่วงบุตรชายที่กำลังเรียนอยู่ และ คนชื่อหวาน ก็ได้ช่วยพูดให้ จนเขายอม และหลังจากที่ใส่ตัวอ่อนแล้ว ตนได้โอนเงิน ให้กับ เจ้าหน้าที่ บริษัท จำนวน 10,000 บาท ส่วนตนได้ค่าว่าจ้าง จำนวน 350,000 บาท โดยจะแบ่งจ่ายเดือนละ 15,000 บาท เป็นเวลา 8 เดือน ส่วนที่เหลืออีก 230,000 บาท จะจ่ายให้หลังคลอด และขณะที่ ใส่ตัวอ่อนไปแล้วนั้น คนที่ชื่อ หวาน บอกกับตนว่าไม่ต้องกลัวนะ เพราะทางบริษัททำถูกต้องทุกอย่าง และยังกำชับว่าห้านำข้อมูลของบริษัทไปเปิดเผยให้ใครทราบ เมื่อตนกลับมา เลยคิดหนัก จนกระทั่งมีข่าว อุ้มบุญ ตนจึงรู้ว่าสิ่งที่บริษัททำไปนั้นผิดกฎหมาย ตนจึงได้ติดต่อไปกับทางบริษัท ว่าจ้างให้อุ้มบุญ ขอยกเลิกสัญญาทั้งหมด ส่วนเด็กที่จะคลอดตนจะเป็นผู้ดูแลเอง จึงทำให้ทางบริษัท และนายหน้า ไม่พอใจ ติดตามตัวตน เพื่อที่จะนำตัวตนไปทำคลอดที่ต่างประเทศ ทำให้ตนและสามีใช้ชีวิตได้ไม่ปกติสุข หวานกลัวอยู่ตลอดเวลา จึงตัดสินใจเข้าขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณาฯ ดูแล และคุ้มครองความปลอดภัยกับครอบครัวตนด้วย













กำลังโหลดความคิดเห็น