แม่ร้องเยียวยา รพ.รัฐ ทำคลอดลูกแขนพิการ

แม่พาลูกแขนพิการวัย 11 เดือน ร้องกรมคุ้มครองสิทธิฯ หลัง รพ.รัฐ แห่งหนึ่ง ทำคลอดเส้นประสาทแขนขวาของเด็กขาด

วันนี้ (2 ก.ย.) ที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม นายธาดา แสงสกุล อายุ 28 ปี พร้อมด้วย นางอริสรา แข่งขันธ์ อายุ 32 ปี ได้นำ ด.ช.เทิดศักดิ์ แสงสกุล หรือ น้องพล ลูกชายอายุ 11 เดือน ร้องขอความเป็นธรรม ต่อ นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านส่งเสริมการระงับข้อพิพาท กรมคุ้มครองสิทธิฯ กรณีพยาบาลโรงพยาบาลแห่งหนึ่งไม่รับผิดชอบ หลังจากทำคลอดให้แล้วแขนบุตรชายขยับไม่ได้

นางอริสรา กล่าวว่า ภายหลังที่ตนทราบว่าตั้งครรภ์ จึงได้ไปฝากครรภ์กับคลินิกแห่งหนึ่งย่านตลาดพลู ต่อมาตรวจพบว่าตนเป็นโรคเบาหวาน จึงย้ายไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ต.บางคอแหลม อ.บางคอแหลม กทม. และได้ไปตรวจครรภ์ทุกเดือนตามที่แพทย์กำหนด ซึ่งทางแพทย์ก็ยืนยันว่าลูกในครรภ์ปกติ จนกระทั่งเจ็บท้องสามีก็ได้นำมาส่งโรงพยาบาลดังกล่าวในเวลา 3 ทุ่มของวันที่ 3 ต.ค. 56 และปวดท้องคลอดช่วงตี 2 ของวันที่ 4 ต.ค. จากนั้นได้มีพยาบาล 4 คน นำตัวเข้าห้องคลอด และทำคลอดให้โดยไม่มีแพทย์อยู่ด้วย ซึ่งขณะทำคลอดอยู่นั้นได้มีพยาบาลคนหนึ่งบอกว่าตนไม่มีแรงเบ่ง จึงสั่งให้พยาบาล 2 คนขึ้นไปนั่งทับที่ท้อง เพื่อให้มีลมเบ่ง และได้ยินเสียงพยาบาลที่คอยดึงเด็กออกตะโกนว่า ติดๆ จากนั้นประมาณ 5 นาที พยาบาลก็ดึงเด็กออกมา และนำตัวเด็กไปทำความสะอาด โดยพยาบาลที่ทำคลอดได้มาบอกตนว่ากระดูกแขนของเด็กซ้น

นางอริสรา กล่าวอีกว่า ภายหลังจากการคลอด 3 วัน แพทย์ของโรงพยาบาลเจริญกรุงฯ ได้แจ้งว่า ลูกตนไม่มีกระดูกแตก แต่มีปัญหาที่เส้นประสาทบริเวณแขนขวาจากการถูกกดทับหรือดึง ซึ่งตนสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากการที่พยาบาลดึงเด็กออก โดยไม่ใช้เครื่องมือแพทย์ ซึ่งหลังจากที่เด็กออกมาแล้วแพทย์ก็ได้ทำการรักษาลูกตนต่ออีกประมาณ 1 เดือน แต่อาการก็ไม่ดีขึ้น แขนขวาของลูกเริ่มติดไม่สามารถขยับได้ ตนจึงตัดสินใจย้ายลูกไปรักษาต่อที่ รพ.เลิดสิน โดยแพทย์ที่ รพ.เลิดสิน ระบุว่า เส้นประสาทแขนขวาของเด็กขาด ก่อนจะทำการผ่าตัดให้ ซึ่งขณะนี้ลูกของตนยังไม่สามารถขยับแขนได้เหมือนเด็กปกติ จึงมาร้องขอความเป็นธรรม และเรียกร้องให้ทางโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ออกมาชี้แจง และแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้าน นายเกิดโชค กล่าวว่า กรณีดังกล่าวนี้ทางกรมจะหาทางช่วยเหลือเยียวยาให้กับนางอริสราต่อไป รวมทั้งจะประสานไปยังกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้โรงพยาบาลรับผิดชอบ และหากทางโรงพยาบาลไม่ยอมรับผิดชอบก็จะฟ้องทั้งแพ่งและอาญาต่อไป