EFORL ยันปีนี้โกยรายได้ตามเป้า 1.5 พันล้าน เผยดีลซื้อ “วุฒิศักดิ์ฯ” ใกล้สรุป ย้ำการซื้อหุ้นในครั้งนี้ จะช่วยเสริมจุดแข็งของบริษัทให้มีบริการในธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์ เครื่องมือแพทย์สุขภาพ และความงามครอบคลุมมากยิ่งขึ้น
นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL เปิดเผยว่า บริษัทยังยืนยันเป้าหมายรายได้รวมในปีนี้ 1,500 ล้านบาท ซึ่งรายได้หลักยังมาจากการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและเป็นผู้นำตลาด เช่น Hamilton, GE, Nihon Kohden และ Olympus เป็นต้น
ล่าสุดบริษัทได้ซื้อหุ้นของ ของบริษัท แดทโซ เอเชีย คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด เป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของกลุ่ม QUADRA จากประเทศอิตาลี ซึ่งจะช่วยหนุนรายได้ในครึ่งปีหลังให้เติบโตมากยิ่งขึ้น
สำหรับความคืบหน้าการซื้อหุ้นบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ยังเป็นไปตามขั้นตอนการทำ Due Diligence และการชำระเงิน (Closing Date) ซึ่งการซื้อหุ้นในครั้งนี้จะช่วยเสริมจุดแข็งของบริษัทให้มีบริการในธุรกิจ เกี่ยวกับอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์สุขภาพและความงามครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/57 ของบริษัทเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีรายได้รวม 248 ล้านบาท กำไรสุทธิ 52.8 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่อง จากไตรมาส 1/57 ที่มีรายได้รวม 203 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 46.4 ล้านบาท โตต่อเนื่อง จากไตรมาส 4/56 และมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าปี 56 ทั้งปี ที่มียอดขาย 171 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 26.46 ล้านบาท
สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.57 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 451.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 412.95 ล้านบาท ซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการขายเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์จำนวน 433.20 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ซื้อสินค้ามาเพื่อขาย และเพิ่มทีมงานที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้ จึงเป็นผลให้ต้นทุนขายและบริการ
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นด้วย โดยมีต้นทุนขายและบริการเพิ่มขึ้นจำนวน 257.47 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจำนวน 56.94 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันในปี 2556
จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้ผลการดำเนินงาน สำหรับงวดหกเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.57 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 99.77 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 101.64 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน