xs
xsm
sm
md
lg

อี ฟอร์ แอล เอม ไตรมาสแรกกำไรกว่า 46 ล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อี ฟอร์ แอล เอม อวดผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปีนี้ กวาดรายได้รวม 203 ล้านบาท กำไรสุทธิ 46.4 ล้านบาท ชูธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์เติบโตก้าว ลั่นปี 57 เทิร์นอะราวนด์แบบโดดเด่นสุดๆ คอนเฟิร์มรายได้เข้าเป้า 1,500-2,000 ล้านบาทแน่! เล็งนำเงินสดในมือลงทุนธุรกิจเพิ่ม ล่าสุด เดินหน้าเจรจาพันธมิตรหลายแห่ง คาดได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

นายธีรวุทธิ์ ปางวิรุฬห์รักข์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือEFORL เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2557 ของบริษัทเติบโตอย่างโดดเด่น โดยมีรายได้รวม 203 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 46.4 ล้านบาท ขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4/2556 และมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าปี 56 ทั้งปีที่มียอดขาย 171 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 26.46 ล้านบาท

“การที่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ของปีนี้ มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น และต่อเนื่องจากปี 2556 เป็นสัญญาณดีสะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตในอนาคตที่จะมีความมั่นคง และมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ทีมผู้บริหาร EFORL มั่นใจว่า ผลการดำเนินงานในอนาคตจะมีความโดดเด่น และจะไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง”

นายธีรวุทธิ์ กล่าวว่า ผลกำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ที่สร้างรายได้กว่า 195 ล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากบริษัทย่อยคือ สเปซเมด ที่ทำธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์ สามารถรับรู้รายได้ และกำไรอย่างเต็มที่ และอีกส่วนหนึ่งจาก EFORL เองที่เริ่มทยอยรับรู้รายได้ในส่วนของการจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์มากขึ้น

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 57 บริษัทจะมุ่งทำธุรกิจในกลุ่มเครื่องมือแพทย์ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีการประสานงานติดต่อแบรนด์สินค้าเครื่องมือแพทย์จากต่างประเทศมากกว่า 30 ยี่ห้อ ซึ่งจะเร่งดำเนินการขอใบอนุญาตนำเข้า โดยได้นำเข้าสินค้ามาแล้ว 13 ยี่ห้อ ทั้งนี้ ธุรกิจนำเข้าและจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์มีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง ส่วนธุรกิจด้านสื่อโฆษณาสามารถสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง

“ปีนี้จะเป็นปีแห่งการเทิร์นอะราวนด์ เนื่องจากอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์เป็นสินค้าที่มีการเติบโตสอดคล้องกับธุรกิจด้านการแพทย์และสุขภาพที่ประเทศไทย และภูมิภาคอาเซี่ยนยังมีโอกาสเติบโตได้อีก โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวม 1,500-2,000 ล้านบาท มีกลยุทธ์เน้นการเป็นตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์จากแบรนด์ที่มีชื่อเสียง และเป็นผู้นำตลาด เช่น Hamilton, GE และ Olympus เป็นต้น และจะมีการเพิ่มทีมงานที่มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญมาเสริมทัพให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเชิงรุก เดินเข้าหาลูกค้าทั้งภายในประเทศที่เป็นกลุ่มโรงพยาบาลทั้งภาครัฐ และเอกชน” นายธีรวุทธิ์กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทยังมีเงินสดอยู่กว่า 500 ล้านบาท ก็ได้ทำการศึกษาถึงแนวทางการนำเงินดังกล่าวไปลงทุนในธุรกิจต่างๆ ซึ่งก็ได้มีการเจรจากับพันธมิตรหลายๆ ฝ่ายเพื่อให้มีผลตอบแทนสูงสุด อย่างไรก็ตาม การลงทุนธุรกิจใหม่จะยังอยู่ในธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์และเครื่องมือแพทย์สุขภาพและความงาม เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ และมีมาร์จิ้นสูง โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้




กำลังโหลดความคิดเห็น