ปคม.ร่วมสอบคดีอุ้มบุญ เข้าข่ายผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม

ปคม.ร่วมเข้าตรวจสอบคดี สาวไทยรับจ้างชาวสองสามีภรรยาชาวออสเตรเลียเพื่ออุ้มบุญ ชี้เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม

วันนี้ (6 ส.ค.) ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) พ.ต.อ.ชิตภพ โตเหมือน ผกก.1 บก.ปคม.เปิดเผยถึงกรณีหญิงสาวชาวไทยวัย 22 ปี ที่รับว่าจ้างจากสองสามีภรรยาชาวออสเตรเลียเพื่ออุ้มบุญหรือตั้งครรภ์แทน ก่อนจะคลอดลูกแฝด โดยพ่อแม่ชาวออสเตรเลียรับเพียงเด็กหญิงที่อาการปกติไปเพียงคนเดียว โดยทิ้งเด็กชายแกรมมี่ฝาแฝดอีกคนที่มีอาการดาวน์ซินโดรมไว้กับหญิงสาวคนดังกล่าวว่า กรณีนี้เป็นความผิดตามกฎหมาย โดยทาง บก.ปคม.จะประสานการทำงานร่วมกับแพทยสภา เนื่องจากขณะนี้ได้มีการตรวจสอบคลินิกที่รับทำอุ้มบุญให้หญิงสาวคนดังกล่าว โดยแพทยสภาจะดำเนินการตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม และ พ.ร.บ.สถานพยาบาล

พ.ต.อ.ชิตภพกล่าวถึงกรณีที่ตำรวจ สน.ลาดพร้าว และเจ้าหน้าที่ทหาร ร่วมกับมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี เข้าตรวจสอบห้องพักเลขที่ 466/7 และ 466/10 รวมถึงห้องเลขที่ 466/1551 ชั้น 7 เดอะนิช ไอดี คอนโดมิเนียม ซอยลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. หลังจากได้รับร้องเรียนว่ามีการใช้สถานที่ดังกล่าวให้หญิงสาวที่อุ้มบุญให้ชาวต่างชาติมาพักอาศัยอยู่ โดยพบเด็กชายหญิงอายุตั้งแต่ไม่กี่เดือนจนถึง 10 ปี รวม 9 คน และหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 6 เดือนอีก 1 คน จึงพาไปส่งที่บ้านปากเกร็ด จ.นนทบุรี ว่ากรณีดังกล่าวจะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อน

พ.ต.อ.ชิตภพกล่าวต่อว่า ทาง สน.ลาดพร้าว เจ้าของท้องที่จะเป็นฝ่ายดำเนินการเป็นหลัก ส่วนทาง บก.ปคม.จะร่วมสืบสวนสอบสวน และพิจารณาดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบวิชาชีพเวชกรรม รวมถึงข้อกำหนดและประกาศของแพทยสภาเรื่องมาตรฐานการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ซึ่งมีข้อกำหนดว่าถ้าจะอุ้มบุญนั้นทำได้ในกรณีใด เช่น ต้องเป็นญาติโดยสายเลือดให้ผู้หญิงที่ไม่สามารถตั้งครรภ์ และจะต้องไม่มีการเรียกรับค่าตอบแทนใดๆ จากการอุ้มบุญ ส่วนข้อกฎหมายอื่นๆ นั้นคงต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง