xs
xsm
sm
md
lg

ลุ้นล้างขั้ว “ตำรวจมะเขือเทศ” “ผู้การ 191-ผบก.พะเยา” หนาว

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ รรท.ผบ.ตร.
สน.พระอาทิตย์

การจัดทัพปรับทิศกรมปทุมวันในห้วงเวลาฟ้าเปลี่ยนสี มี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ขึ้นมากุมบังเหียนสีกากีแทนพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว แม่ทัพเก่าที่เข้ากรุสำนักนายกรัฐมนตรี ตามนโยบาย “ปฏิรูปตำรวจ” ยุคกองทัพภายใต้ชื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าบริหารประเทศแทนรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ไม่น่าจะหยุดกวาดบ้านล้างบาง “ตำรวจมะเขือเทศ” แค่เพียง 23 นายพล นายพัน ที่มีคำสั่งอออกมาแค่นั้น

ยังคงเหลือ “ตำรวจมะเขือเทศ” ที่เข้าข่ายต้องปรับคนให้เหมาะสมกับตำแหน่งและสถานการณ์ตามนิยาม “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ให้เหตุผลไว้ในการโยกย้าย 23 นายพล นายพัน ที่ผ่านมา ต้องถูกปรับถูกขยับออกจากเก้าอี้เดิมอีกหลายล็อต โดยเฉพาะตำรวจสายที่มีพฤติกรรมรับใช้ระบอบทักษิณใกล้ชิดขั้วอำนาจเก่า อันอาจเป็นอุปสรรคในการสร้างความปรองดองตามแนวทาง คสช.

เห็นได้จากรายชื่อนายพล นายพัน ที่โดนคำสั่งเข้ากรุตามสถานการณ์เช็กสีเสื้อที่มาที่ไปแต่ละรายก็ไม่น่าแปลกใจ เหตุใดถึงยกล็อตใหญ่ถึงขนาดทำให้กรมปทุมวันระส่ำ เพราะการสยายปีกระบอบทักษิณได้วางตำรวจใกล้ชิดครอบคลุมทุกแห่งหากจะล้างก็ต้องล็อตใหญ่เช่นนี้

พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 สายนายกฯปู พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.2 สายเจ๊แดง พล.ต.ท.ธีระศักดิ์ กลิ่นพงษา ผบช.ภ.3 อดีตนายเวรเก่า พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง ผบช.ภ.4 มือทำคดีม็อบเสื้อแดง พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.5 สายทักษิณ พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 สาย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร. พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.สตม. สายตรงดูไบ พล.ต.ท.สฤษฎ์ชัย เอนกเวียงผบช.สันติบาล สาย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว

เช่นเดียวกับ ผู้การฯ ผู้กำกับฯ อีก 15 รายทั้ง พล.ต.ต.กริช กิติลือ ผบก.เชียงใหม่ พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ชลบุรี พล.ต.ต.ชอบ คิสาลัง ผบก.ขอนแก่น พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.นนทบุรี พล.ต.ต.ธัชชัย หงษ์ทอง ผบก.สมุทรปราการ พล.ต.ต.บุญลือ กอบบางยาง ผบก.อุดรธานี พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.วัลลภ ประทุมเมือง ผบก.น.6 พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ รองผบก.น.5 พ.ต.อ.กฤตัชญ์ บำรุงรัตนยศ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น พ.ต.อ.กิตติสินธุ์ คงทวีพันธ์ ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ พ.ต.อ.โกวิท เจริญวัฒนศักดิ์ ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ล้วนมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงขั้วอำนาจเก่าทั้งสิ้น

โดยเฉพาะ “พล.ต.ต.ประยนต์” แม้จะได้รับฉายาจากสื่อสายอาชญากรรมว่า “เสือคืนลาย” ซึ่งเหมือนจะไม่มีพิษสงอะไร รอเพียงเวลาเกษียณอายุราชการแต่หากเช็กข้อมูลเบื้องลึกเบื้องหลัง ในห้วงเวลาที่มีม็อบต้านระบอบทักษิณขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ออกมาเคลื่อนไหว “เสือคืนลาย” ล้วนมีบทบาทสำคัญไม่ธรรมดาแค่เพียงไม่ได้ทำงานเปิดหน้าบนดินออกสื่อเท่านั้น

ว่ากันว่า นอกจากงานสืบสวนตามหน้างานศูนย์สืบสวนนครบาลแล้ว งานเฉพาะกิจที่รับสายตรงจาก “ลูกพี่” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้า ศอ.รส. ในขณะนั้นก็มีให้ดำเนินการอยู่เรื่อยๆ เช่นเดียวกับการรับสายตรงต่างแดน ในยามที่คนแดนไกลระแวง “บิ๊กสีกากี” ทั้งระดับกรม ระดับกอง ก็เป็นมือรีเช็กและมือทำงานที่ไว้ใจอย่างมาก
พล.ต.ต.ประยนต์ ถือเป็นตำรวจที่ได้รับความไว้ใจจาก “เฉลิม” อย่างมาก ครบเครื่องทั้งงานสืบสวนและงานปราบปราม โดยเฉพาะงานบู๊ไม่เคยทำให้นายผิดหวังผลงานเข้าตา “ทักษิณ” จนครั้งหนึ่ง “เฉลิม” นำชื่อเสนอโปรโมต

ขอ “วีซ่า” ชิงเก้าอี้ “ผู้บังคับการกองปราบปราม” หรือ “ผบก.ป.” แทน พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนารถ ผบก.ป. และได้รับไฟเขียวจากแดนไกล
จากนั้น “เฉลิม” เสนอชื่อ “พล.ต.ต.ประยนต์” เข้าที่ประชุม ก.ตร. ให้โยกจาก ผบก.ศูนย์สืบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ไปเป็น ผบก.ป. แต่ติดระเบียบ ก.ตร. ต้องมีรายชื่อเสนอผ่านบอร์ด บช.ก. ต้นสังกัดให้พิจารณาก่อน ซึ่งปรากฏว่า พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. เห็นว่า พล.ต.ต.สุพิศาล ยังมีความสามารถคุมหน่วยอาร์มสวยอยู่จึงไม่อนุมัติให้เกิดการเปลี่ยนแปลง

ทำให้ช่วงนั้นเกิดอาการงัดข้อกันพักใหญ่ สุดท้าย “เสือคืนลาย” ก็ต้องถอยลงไปนั่งเก้าอี้ “ผบก.ศูนย์สืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล” แทน

แม้การปรับคนให้เหมาะสมกับตำแหน่งและสถานการณ์ของ พล.ต.อ.วัชรพล จะพยายามยืนยันว่าจะ “เด้ง” ให้น้อยที่สุด และเลือกทำเฉพาะพวกไม่ทำงานแต่ก็เชื่อว่าตำรวจที่มีสายสัมพันธ์ขั้วเก่าและมีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่อการขัดขวางกระบวนการสร้างความปรองดองอาจจะต้องโดนเป็นล็อตที่ 3 ที่ 4 ก็ยังต้องลุ้นนั่งหนาวๆ ร้อนๆ

พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ ผบก.สปพ.(191) มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ น่าจะต้องเป็นชื่อแรกๆหามีการกาไว้ในรอบ 3 รอบ 4 เพราะตำแหน่ง ผู้การฯ 191 ถือว่าเป็นหน่วยปฏิบัติที่มีความสำคัญอย่างมาก เพราะคุมรถวิทยุสายตรวจมีอำนาจจับกุมได้ทั่วนครบาล

พล.ต.ต.ภาณุ บูรณศิริ ผบก.ภ.จ.พะเยา ก็น่าจะหนาวไม่น้อยเพราะช่วงที่ขยับมาจาก รอง ผบก.สส.ภ.3 ขึ้นมาเป็นผบก.ภ.จว.พะเยา ชาวเมืองดอกคำใต้ จ.พะเยา กว่า 600 คน ทั้งเจ้าหน้าที่เทศมนตรีกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านยกขบวนมาชุมนุมหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถนนพระราม 1ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. คัดค้านการแต่งตั้งด้วยเหตุพล

“ชาวบ้านไม่มั่นใจกระบวนการยุติธรรม”!!!

แต่สุดท้ายเสียงคัดค้านจากชาวบ้านก็ไม่ได้ทำให้ชื่อ “ภาณุ บูรณศิริ” ตกลงไปจากที่ประชุม ก.ตร. พล.ต.อ.อดุลย์ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามข้อเรียกร้องชาวบ้าน เพราะว่ากันว่าแรงสนับสนุนจากเจ๊แดงก็เป็นพลังสำคัญที่ส่งให้นายตำรวจรายนี้ขึ้นไปคุมดินแดนดอกคำใต้

อีกรายที่สุ่มเสี่ยงเช่นกันคือ พ.ต.อ.อุเทน นุ้ยพิน ผกก.สส.บก.น.8 มือทำงานใกล้ชิด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เพราะภาพที่จัดลูกน้องสะพานปืนเต็มอัตรา บุกไปดักรอหน้าคอนโดย่านสีลมไปจับ “สาธิต เซกัล” นักธุรกิจเชื้อสายอินเดีย ที่ขึ้นเวที กปปส. ถือเป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายเนื้อหาถ้อยแถลงจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ที่บอกถึงสาเหตุการย้ายข้าราชการในช่วงนี้เป็นเพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ใช้กระบวนการยุติธรรมไม่เหมาะสมเหมาะควรแทนที่จะสร้างความสมานฉันท์ กลับสร้างความร้าวฉาน ซึ่งภาพที่สีลมดูจะชัดเจนกับพฤติกรรมของ “เดอะนุ้ย”

ดังนั้น ต้องจับตา “เด้ง” รอบ 3 รอบ 4 ในวงการสีกากีจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และใครจะเข้ากรุบ้าง แต่รับรองเก็บกระเป๋า แพ็กข้าวของลงกล่องรอเถอะ มีแน่!!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น