xs
xsm
sm
md
lg

“องอาจ” ซัด “ดีเอสไอ” กลั่นแกล้ง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


“องอาจ” ซัด “ดีเอสไอ” กลั่นแกล้งทางการเมือง ทำให้ ส.ส.ประชาธิปัตย์เสียชื่อเสียง ชี้คดีนี้ไม่ีควรเป็นคดีพิเศษ



เมื่อเวลา 09.30 วันที่ 26 เม.ย. ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคารบี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และนายธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วยนายราเมศ รัตนะเชวง ทนายความของพรรค ปชป.ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อเข้าชี้แจงกรณีบริจาคเงินพรรค ปชป.

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ดีเอสไอได้นัดนายองอาจ นายธรรมวิชญ์ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แต่นายนายจุรินทร์ได้ขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำเนื่องจากติดภารกิจ

นายองอาจให้สัมภาษณ์ภายหลังการพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษถึงความรู้สึกการเข้าพบพนักงานสอบสวนว่า เมื่อเราถูกดำเนินคดีตกเป็นผู้ต้องหาก็มาดำเนินการตามที่ได้รับหนังสือเชิญแจ้งข้อกล่าวหาเราให้มารับทราบข้อกล่าวหานั้น เราก็ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อดีเอสไอในฐานะที่เราเป็นพลเมืองไทย ซึ่งเราก็มาดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้เราก็เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจของเราว่าเราไม่ได้ทำอะไรที่ขัดต่อข้อกำหนดตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าจุดเริ่มต้นดำเนินการของคดีเรื่องนี้เป็นเรื่องของความพยายามที่จะกลั่นแกล้งทางการเมืองกันมากกว่า เพราะพวกตน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรคคทั้ง 44 คนที่ถูกกล่าวหาก็เป็นนักการเมือง เพราะฉะนั้นการถูกดำเนินคดีในเรื่องนี้และส่งเรื่องเข้าเป็นคดีพิเศษ ทั้งที่โดยสามัญสำนึกของบุคคลโดยทั่วไปก็สามารถมองออกได้ว่าเรื่องการจ่ายเงินบำรุงพรรค โดยข้อกล่าวหาอ้างว่าไม่ได้ทำเป็นเช็คขีดคร่อมเป็นรายบุคคลก็ไม่น่าจะมีน้ำหนักเพียงพอเป็นคดีพิเศษได้ ซึ่งตนคิดว่าเจตนารมณ์ของการตั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น คดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษจะเข้าไปดำเนินการต้องเป็นคดีที่พิเศษจริงๆ

ทั้งนี้ ในส่วนคดีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จ่ายเงินบำรุงพรรคโดยไม่ได้ทำเป็นเช็คขีดคร่อมเป็นรายบุคคลไม่ควรที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาเป็นคดีพิเศษแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นตนมองว่า การดำเนินการในครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ผิดปกติ โดยมีจุดมุ่งหวังเพื่อก่อให้เกิดผลทางการเมืองไม่ใช่เพื่อก่อให้เกิดคดีความ และที่สำคัญที่สุด ตนคิดว่าการดำเนินคดีความในครั้งนี้เพื่อทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงเกียรติยศของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 44 คน รวมทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อพนักงานสอบสวนบ้าง นายองอาจระบุว่า หลังจากที่มีการเริ่มต้นดำเนินคดีก็มีพฤติกรรมการแสดงออกหลายประการที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิทธิ เกียรติยศและชื่อเสียง ดังนั้นหากมีอะไรที่ปกป้องรักษาชื่อเสียงและเกียติยศพวกเราได้ถูกต้องตามกฎหมายก็จะดำเนินการไปตามนั้น เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่างด้วยว่าการกระทำใดๆโดยเฉพาะผุ้มีหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายก้ควรบังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้องเหมาะสมและเป็นธรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

เมื่อถามว่าดีเอสไอกล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์สร้างบรรทัดฐานใหม่ โดยการฟ้องกลับพนักงานสอบสวนนั้น นายองอาจกล่าวว่า การฟ้องกลับพนักงานสอบสวนไม่ใช่มาตรฐานใหม่ เพราะที่ผ่านมาหากผู้ถูกกล่าวหารายใดเห็นว่าพนักงานสอบสวนดำเนินการไม่ถูกต้องก็จะดำเนินการฟ้องพนักงานสอบสวนเป็นเรื่องปกติ และทุกวันนี้ก็มีคดีในศาลจำนวนมากที่ผู้ต้องหาหรือผุ้ถูกกล่าวหาดำเนินการฟ้องกลับพนักงานสอบสวนซึ่งกระทำผิดในหลายคดี อย่างเช่นคดี “เชอรี่ แอน” เอาคนไปติดคุกทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิด ดังนั้น ไม่ใช่ว่าเป็นพนักงานสอบสวนแล้วจะทำถูกทั้งหมดและใครจะทำอะไรไม่ได้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าพวกตนทำถูกต้องตามกฎหมายในการดำเนินการปกป้องชื่อเสียงของตนเอง

เมื่อถามว่า รายละเอียดชี้แจงต่อพนักงานสอบสวนมีประเด็นใดบ้าง นายองอาจกล่าวว่า ประเด็นชี้แจงประการแรกคิดว่าการดำเนินการไม่ได้มีอะไรที่ผิดกฎหมาย ประเด็นที่ 2 พวกเราดำเนินการตามเจตนารมณ์ของกกฏฎหมาย ประการที่ 3 สิ่งที่พวกเราดำเนินการทั้งหมดเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยไม่มีจุดมุ่งหวังหรือเจตนาใดๆ ให้เป็นไปในทางที่ผิดกฎหมาย ซึ่งตนคิดว่าพนักงานสอบสวนที่ดำเนินคดีต่อพวกเรา รวมทั้งพวกเราที่ทราบกฎหมายก็รู้กันดีว่าการกระทำความผิดนั้นต้องพิจารณาเจตนาเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าคดีที่เกิดขึ้นนั้นเป็นคดีกลั่นแกล้งทางการเมือง เพราะฉะนั้นการดำเนินการใดที่ไม่ถูกต้องเหมาะสมก็คงต้องรักษาสิทธิตามกฎหมาย

เมื่อถามว่า ในส่วนพรรคประชาธิปัตย์ได้พูดคุยเรื่องการจ่ายเงินบำรุงพรรคในอนาคตให้รอบคอบกว่ากว่าเดิมหรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า ทุกวันนี้เราก็ยังคงทำเหมือนเดิมแม้ว่าจะถูกดำเนินคดีตั้งแต่ช่วงปีที่แล้ว โดยยังให้ ส.ส.จ่ายเงินบำรุงพรรคเพราะเชื่อว่าจะเป็นการส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยเพื่อไม่ให้ใครมาครอบงำพรรคการเมืองโดยมีเงินสนับสนุนจากสมาชิกพรรค

เมื่อถามว่าจะฟ้อง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซี่งกำกับดูแลดีเอสไอในฐานะที่เป็นประธานคณะกรรมการคดีพิเศษด้วยหรือไม่ นายองอาจกล่าวว่า ต้องพิจารณาก่อนว่า ร.ต.อ.เฉลิมมีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใดต่อการดำเนินคดีกับ ส.ส.พรรคประชาปัตย์ เพราะพรรคไม่ได้พิจารณาฟ้องด้วยอคติ หรือโกรธเคืองเป็นการส่วนตัว หากใครทำถูกเราก็จะไม่ฟ้องดำเนินคดี

นายองอาจกล่าวต่อว่า สำหรับตนได้รับการนัดหมายจากพนักงานสอบสวนให้มาให้ปากคำวันที่ 30 เม.ย.นี้แต่ตนติดภารกิจในวันดังกล่าว จึงขอเลื่อนมาเป็นวันนี้แทน ส่วนนายจุรินทร์ติดภารกิจในวันนี้จึงขอเลื่อนให้ปากคำออกไปก่อน

เมื่อถามว่านายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ได้เชิญ ส.ส.ทั้ง 44 ท่าน มารับทราบข้อกล่าวหาไม่ได้เป็นการตัดสินว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทั้งหมดทำผิดแล้วแต่ให้เป็นการตัดสินของศาลนั้น นายองอาจกล่าวว่า แน่นอนว่าไม่มีใครได้บอกว่าพวกเราทั้งหมดผิดหรือถูกใช่ เพราะขณะนี้พวกเราเป็นเพียงที่ผู้ถูกกล่าวหาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อย่างที่ตนบอกไปข้างต้นว่าการเริ่มดำเนินคดีนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง




กำลังโหลดความคิดเห็น