xs
xsm
sm
md
lg

เลื่อนไต่สวนถอนประกันจำเลยคดีอุ้มฆ่าอัลรูไวลี

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


เลื่อนไต่สวนคำร้องถอนประกัน “สมคิด บุญถนอม” คดีอุ้มฆ่าอัลรูไวลี เหตุ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” ยื่นเอกสารไม่ครบถ้วน ศาลนัดอีกครั้ง 1 เม.ย.นี้

วันนี้ (25 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอาญา นัดไต่สวนคำร้องเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนการปล่อยชั่วคราว พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ และ พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี จำเลยที่ 1 และ 4 ในคดีร่วมกับพวกอุ้มฆ่านายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย โดยวันนี้ฝ่ายดีเอสไอผู้ร้องเตรียมพยานขึ้นเบิกความจำนวน 3 ปาก ประกอบด้วย นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไออีก 2 นาย ส่วนฝ่ายจำเลยเตรียมพยานซักค้าน 3-4 ปาก

โดยวันนี้นายธาริตเบิกความว่า พล.ต.ท.สมคิด และพ.ต.ท.สุรเดช จำเลยที่ 1 และ 4 แบ่งหน้าที่กันทำในลักษณะยุ่งเหยิงต่อพยานหลักฐานและอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ พ.ต.ท.สุวิชชัย แก้วผลึก พยานโจทก์ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญที่รู้เห็นการฆาตกรรมนายโมฮัมหมัด อัลลูไวรี ซึ่งเคยให้การยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตของนายโมฮัมหมัดต่อพนักงานสอบสวนไว้แล้วว่าเกิดจากจำเลยที่ 1 พร้อมพวก และเป็นพยานปากสำคัญที่ทำให้อัยการสั่งฟ้องจำเลยอีกด้วย จากนั้นมีการสืบพยานโจทก์มาระยะหนึ่งตนได้รับแจ้งจากอัยการว่าได้ร้องขอต่อศาลเพื่อสืบพยานปากดังกล่าวที่ประเทศกัมพูชาและประเทศซาอุดิอาระเบียเมื่อต้นปี 2555 ต่อมาเดือน ก.ย. 2555 ตนได้รับคำร้องจาก พ.ต.ท.สุวิชชัย ว่าได้รับการข่มขู่จากจำเลยที่ 1 และจำเลยคนอื่นๆ ในคดี ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางโทรศัพท์การบอกผ่านคนที่รู้จักกับ พ.ต.ท.สุวิชชัย โดยไม่ให้เบิกความเป็นพยานในคดีนี้ ไม่เช่นกันจะเป็นอันตรายถึงเสียชีวิต ซึ่งจำเลยที่ 1 ทราบที่อยู่และการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล อีกทั้งจำเลยที่ 1 ยังได้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนเปิดเผยความลับของพ.ต.ท.สุวิชชัยด้วย ซึ่งพยานหวาดกลัวจึงยื่นคำร้องต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อคุ้มครองพยาน ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองพยาน พ.ศ. 2546 ซึ่งได้รับอนุญาตจาก พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อให้คุ้มครองพยานปากดังกล่าวแล้ว จากนั้นจึงมอบหมายให้ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ เป็นผู้ดำเนินการ จากนั้นได้ทราบจากพนักงานอัยการว่าไม่สามารถนำพยานปากดังกล่าวเข้าเบิกความที่ประเทศกัมพูชาและซาอุดีอาระเบียได้ เนื่องจากได้รับแจ้งจากประเทศซาอุดีอาระเบียว่า พ.ต.ท.สุวิชัย ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่ประเทศ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ อัยการจึงได้ขอให้นำพยานดังกล่าวไปเบิกความที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือยูเออี โดยอัยการได้กำชับว่าการสืบพยานปากนี้เป็นปากสำคัญ โดยขอให้ดีเอสไอดูแลพยานรายนี้ระหว่างเดินทางไปเบิกความที่ประเทศยูเออีให้เรียบร้อยด้วย ซึ่งตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ซึ่งคุ้มครองพยานให้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด และก่อนการสืบพยานที่ประเทศยูเออี ก็ได้รับแจ้งว่า พ.ต.ท.สุวิชชัยได้เดินทางออกนอกประเทศเป็นประจำ เนื่องจาก พ.ต.ท.สุวิชชัยมีครอบครัวในประเทศไทย และเป็นผู้นำกลุ่มศาสนาอิสลามบางกลุ่ม จำได้ว่าก่อนจะสืบพยาน เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ให้ความคุ้มครองและพาพยานกลับไปที่ประเทศยูเออีอีกครั้งหนึ่ง สอดคล้องกับที่ทางการซาอุดีอาระเบียว่าพยานพำนักอยู่ที่ประเทศยูเออีจริง

จากนั้นตนได้รับรายงานว่าจำเลยที่ 1 และ 4 ดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อเรียกเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานราชการจำนวนมาก และ เมื่อได้รับเอกสารแล้ว กลับมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนต่อเนื่องกันถึง 20 วัน บ่งบอกว่าจำเลยมีอิสระในการกระทำอย่างไรก็ได้ตามความประสงค์ นอกจากนี้ตนยังได้รับรายงานว่าจำเลยที่ 1 ใช้อำนาจในฐานะที่เป็นอดีตจเรตำรวจแห่งชาติ สืบค้นข้อมูลต่างๆ ของ พ.ต.ท.สุวิชชัย เกี่ยวกับ แหล่งที่พักอาศัย การเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ซึ่งเป็นการผิดต่อระเบียบข้อบังคับ

ต่อมาวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ประเทศซาอุดีอาระเบียได้ส่งตัวแทนเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อสอบถามถึงความคืบหน้าคดีดังกล่าวและกล่าวแสดงความรู้สึกกังวลต่อพฤติการณ์ของจำเลยที่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาในการสืบพยาน ต่อมาทางการซาอุฯ ได้ยื่นหนังสือถึง รมว.ต่างประเทศ จำนวน 2 ฉบับ เพื่อแสดงความกังวลต่อพฤติการณ์จำเลยที่มีอิสระในการนำข้อมูลต่างๆ เสนอต่อสาธารณชนได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจก่อปัญหากับการพิจารณาคดี สำหรับประเด็นการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่มีมติให้การสืบพยานต่างประเทศของอัยการดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งทางการซาอุฯ ได้ให้ความเห็นว่าการสืบพยานต่างประเทศ โดยหลักสากลแล้วสามารถกระทำได้ และหลายประเทศมีการดำเนินการเช่นนี้ ซึ่งการสืบพยานเป็นไปอย่างรัดกุม จะห้ามไม่ให้คู่ความทั้งสองฝ่ายและทนายความเข้าร่วมรับฟังการไต่สวน จึงมีเพียงศาลกับพยานเท่านั้น ทั้งนี้ ทางการซาอุฯได้เคารพและจะไม่แทรกแซงการพิจารณาของศาลไทย

ภายหลังนายธาริตเบิกความเสร็จสิ้นแล้ว ศาลได้สอบถามถึงพยานเอกสารประกอบคำร้อง ซึ่งนายธาริตแถลงว่ายังไม่ได้ลงหมายเลขกำกับเอกสารไว้ ส่วน พล.ต.ท.สมคิด และทนายจำเลยแถลงยังไม่ได้รับเอกสาร ศาลพิเคราะห์แล้วว่าเมื่อเอกสารยังไม่ครบถ้วน เกรงว่าจะเกิดปัญหาระหว่างการซักค้าน และต้องการให้ทั้งสองฝ่ายใช้สิทธิได้อย่างเต็มที่ จึงขอให้นายธาริตนำเอกสารทั้งหมดและลำดับเอกสารให้เรียบร้อย พร้อมมอบให้ศาลในวันพรุ่งนี้ (26 มี.ค.) จึงนัดไต่สวนพยานผู้ร้องอีกครั้งในวันที่ 1 เม.ย. เวลา 09.00 น.




(แฟ้มภาพ)นายมูฮัมเหม็ด อัลรูไวลี่ นักธุรกิจชาวซาอุดิอาระเบีย
(แฟ้มภาพ) พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจ (ผู้ต้องหา)
กำลังโหลดความคิดเห็น