อสส.เป็นห่วงคดี “อัลรูไวลี” โดน “พล.ต.ท.สมคิด” งัดหลักฐานซัดอัยการร่วมมือดีเอสไอ พา “พ.ต.ท.สุวิชัย แก้วผลึก” ผู้ต้องหาหนีหมายจับออกนอกประเทศ ระบุขอศาลส่งไปสืบพยานที่ยูเออีเพื่อความเป็นธรรม ส่วนการจับกุมต้องให้ สตช.ขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน
กรณีที่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ จำเลยคดีร่วมกันฆ่านายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย กล่าวหาว่าพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายกิจการต่างประเทศ 2 เป็นผู้พาตัว พ.ต.ท.สุวิชัย แก้วผลึก พยานโจทก์ที่มีหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรีซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิต คดีฆ่าผู้อื่น และหลบหนีไปอยู่ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ (ยูเออี) เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น
เมื่อวันที่ 8 ก.พ.นี้ นายโกวิท ศรีไพโรจน์ อัยการผู้เชี่ยวชาญฝ่ายคดีพิเศษ 1 กล่าวว่า อัยการไม่มีอำนาจพิเศษใดที่จะดำเนินการอย่างนั้นได้ เชื่อว่า พล.ต.ท.สมคิดคงไปได้หลักฐานการปลอมแปลงเอกสารปี 2554 ของ พ.ต.ท.สุวิชัย จึงตั้งประเด็นว่าพยานเคยอยู่ประเทศไทยและอาจยังอยู่ จึงไม่ควรนำไปสืบต่างประเทศ แต่ที่ทางอัยการแถลงขออนุญาตศาลอาญาให้ส่งประเด็นไปสืบพยานปาก พ.ต.ท.สุวิชัย ที่ยูเออีนั้น เพราะได้รับการยืนยันจากทางกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า สามารถประสานงานกับ พ.ต.ท.สุวิชัยมาเป็นพยานในคดีนี้ได้ ศาลเองก็มองในเรื่องนี้ว่าควรเปิดโอกาสให้พยานนำพิสูจน์ ส่วนพยานปากนี้จะเชื่อถือได้หรือไม่อย่างไรนั้น ศาลจะเป็นผู้วินิจฉัยเอง
เมื่อถามว่าทางอัยการทราบหรือไม่ว่า พ.ต.ท.สุวิชัยมีหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี นายโกวิทกล่าวว่า ทราบเรื่องแล้ว แต่การติดตามจับกุม พ.ต.ท.สุวิชชัยเป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งตนทราบมาว่าทางดีเอสไอติดต่อกับพยานได้แต่ทาง พ.ต.ท.สุวิชัยแจ้งความประสงค์ว่า จะเบิกความในต่างประเทศเท่านั้น และการสืบพยานครั้งนี้ทางอัยการเองก็ไม่ได้มีอำนาจไปซักพยานต่อหน้า แต่ใช้วิธีตั้งคำถามส่งไปประมาณ 10 กว่าข้อเท่านั้น ซึ่ง พล.ต.ท.สมคิดก็มีสิทธิที่จะตามไปซักค้านได้
นายรุจ เขื่อนสุวรรณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ กล่าวว่า ในเรื่องที่ พล.ต.ท.สมคิดกล่าวว่าทางอัยการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพาตัวพยานในคดีนี้หนีไปต่างประเทศ นายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด ก็มีความเป็นห่วงและได้เรียกตนเข้าไปสอบถาม ซึ่งตนก็รายงานว่าอัยการที่ทำคดีนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่ทราบแน่ชัดในเรื่องนี้ ส่วนในเรื่องการทำคดีคาดว่าเราทำมาถูกทางและสมบูรณ์เพื่อนำไปสู่ความเป็นธรรม และทางซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นฝ่ายโจทก์เองก็มีทีท่าเชื่อมั่นในการดำเนินคดีของเรามากขึ้นกว่าในสมัยก่อน ซึ่งการที่เราสร้างความยุติธรรม ก็จะทำให้ความสัมพันธ์ของสองประเทศกลับมาดีขึ้น ซึ่งทางอัยการก็จะทำเต็มที่
ด้านนายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ จึงยังไม่ได้เรียกอัยการที่รับผิดชอบคดีนี่มาสอบถาม แต่หน้าที่ของอัยการต่างประเทศ มีหน้าที่แค่ติดต่อเรื่องสืบพยานในต่างประเทศเท่านั้น ไม่น่าเกี่ยวข้องกับเรื่องการพาตัวพยานออกนอกประเทศ ส่วนการดูแลพยานเป็นเรื่องของดีเอสไอ
